หน้าแรก บล็อก
Business Highlight Online : 7 กรกฎาคม 2568 “เผ่าภูมิ” โว “รัฐบาลแพทองธาร” ทำจีดีพี โตเกิน 3% ทุกไตรมาส เชื่อ สศช.จะปรับอัตราการเจริฐเติบโตในไม่ช้า ย้ำรัฐบาลหาเครื่องยนต์ใหม่ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ไทยยืนแถวหน้าเวทีโลกในการประชุมวุฒิสภาวันนี้ 7 ก.ค.) มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม วาระกระทู้ถามทั่วไป ของนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.ถามประเด็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งข้อสังเกตต่อมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจที่ไม่เข้าเป้า เช่น อัตราการท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง จากผลกระทบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการประเมินจีดีพีที่โตต่ำกว่าคาดการณ์เช่นเดียวกับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ส่วนการทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอีก 115,000 ล้านบาท ที่จะกระจายไปยัง 50 หน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ดำเนินโครงการลงทุนระยะสั้น โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะช่วยสร้างงานและผลักดันจีดีพีให้โตเพิ่มขึ้น 0.4 % ตนคิดว่านโยบายแบบเบี้ยงหัวแตกแบบนี้เป็นการปะผุเล็กๆน้อยๆ และไม่มีผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวนายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเราไม่ได้แพ้เพราะเราไม่มีทรัพยากร แต่เราแพ้เพราะเราไม่มีทิศทาง ประเทศไทยเราไม่ต้องการนโยบายแบบประชานิยมอีกต่อไป แต่เราต้องการการลงทุนที่สามารถแข่งขันให้ประเทศได้ในระยะยาว ประชาชนมีรายได้และประเทศมีอนาคต ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ แทนที่จะเติมน้ำมันปะผุให้เรือลำเก่าและคาดหวังมันจะวิ่งได้เร็วขึ้น“ตอนนี้เหมือนประเทศไทยเป็นเรือที่ฝ่าพายุ แต่เครื่องยนต์ดับทีละเครื่อง ขณะที่ผู้นำไม่รู้ว่าจะพาไปทิศทางไหน ดังนั้นควรมีเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อทำให้จีดีพีและเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง”...
Business Highlight Online : 7 กรกฎาคม 2568 ไทยเดินเกมรุกยื่นข้อเสนอทางการค้ารอบใหม่แก่สหรัฐ เล็งเปิดตลาดให้สินค้าเกษตรและพลังงานสหรัฐ หวังลดอัตราภาษีนำเข้า ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าเต็มที่ โดยยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก พร้อมรับมือวางกรอบช่วยนักธุรกิจส่งออกและภาคการเกษตรทันทีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับปรับปรุงใหม่ต่อสหรัฐอย่างเป็นทางการ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศ และลดการเกินดุลการค้าของไทยต่อสหรัฐลงให้ได้ถึงร้อยละ 70 ภายในระยะเวลา 5 ปี และคาดว่าจะสามารถสร้างความสมดุลทางการค้าได้ภายใน 7-8 ปี ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่เคยเสนอไว้ว่าจะลดดุลการค้าภายใน 10 ปีทั้งนี้ ข้อเสนอฉบับใหม่ของไทยมีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น ทั้งในด้านการเปิดตลาดสำหรับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจากสหรัฐฯ และการเพิ่มการจัดซื้อพลังงานและเครื่องบินจากบริษัทของสหรัฐ โดยในส่วนของการเปิดตลาดนั้น ไทยได้เน้นสินค้าในกลุ่มที่ยังขาดแคลนหรือผลิตไม่ได้ในประเทศ เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย ขณะเดียวกัน ยังได้เสนอการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี และปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวทางการค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันนอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในการจัดซื้อพลังงานจากสหรัฐ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากโครงการก๊าซในรัฐอะแลสกา ซึ่งบริษัทเอกชนของไทยอยู่ระหว่างเจรจาซื้อ LNG ปริมาณสูงเป็นระยะเวลา 20 ปี ขณะเดียวกัน บริษัทไทยด้านเคมีภัณฑ์หลายแห่ง ให้คำมั่นว่าจะนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐมากขึ้น...
Business Highlight Online : 7 กรกฎาคม 2568 รมว.พาณิชย์ เผยเตรียมเเผนรับมือเยียวยาผลกระทบภาษี “ทรัมป์” ทั้งกองทุนชดเชยและซอฟต์โลน ย้ำหารือผู้เกี่ยวข้องตลอดเวลา​ ล่าสุดคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ส่งข้อเสนอรอบ 2 ให้พิจารณาแล้ว​นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงฯ คือการรับมือกับผลกระทบจากการเจรจาภาษีศุลกากร​สหรัฐอเมริกา ขณะนี้คณะทำงานนโยบายการค้าฯ​ หรือ​ทีมไทยแลนด์ ​ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะ ได้ส่งข้อเสนอรอบที่ 2 ไปยังฝ่ายสหรัฐฯ แล้วเมื่อวานนี้​ (6 ก.ค.) ภายหลังการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยข้อเสนอรอบนี้มีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นที่สหรัฐฯ ต้องการ เช่น การเปิดตลาดสินค้าเกษตรของไทย รวมถึงประเด็นทางการค้าสำคัญอื่น ๆ ซึ่งรายละเอียด​ นายพิชัยจะเป็นผู้แถลงทั้งนี้ ในส่วนของแผนที่กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งไปนั้น มีทั้งในเรื่องของภาษีนำเข้า และภาษีส่งออก รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าให้แก่สหรัฐฯ โดยผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ว่า ไทยจำเป็นจะต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพื่อแลกกับการลดภาษีหรือไม่​ นายจตุพรไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ โดยกล่าว​เพียง​ว่าได้มีการเตรียมแผนรองรับเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการเจรจาภาษีทรัมป์ไว้แล้วทุกภาค​ส่วน​ สำหรับเบื้องต้นการเยียวยาจะมีหลายแนวทาง ทั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้า เงินกู้​ดอกเบี้ย​ต่ำ โดยจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด หลังจากการเจรจาบรรลุข้อสรุป จะต้องนำแผนทั้งหมดเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายระหว่างประเทศในด้านการบริหารภายในกระทรวงพาณิชย์ นายจตุพร ย้ำว่า...
Business Highlight Online : 5 กรกฎาคม 2568 รัฐบาลเดินหน้าลดค่าไฟจริงจัง “พีระพันธุ์” เตรียมรื้อโครงสร้างไฟฟ้า หนุนติดโซลาร์รูฟท็อปง่ายขึ้น แก้ปัญหาค่าไฟแพงถึงต้นตอนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ว่า รัฐบาลโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังเร่งเดินหน้าปฏิรูประบบโครงสร้างไฟฟ้าของประเทศครั้งใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องแบกรับมานาน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากสงสัยว่า ทำไมประเทศไทยซึ่งมีโรงไฟฟ้าเอง แต่ยังต้องจ่ายค่าไฟแพง สาเหตุสำคัญมาจากโครงสร้างระบบไฟฟ้าที่ซับซ้อน และการพึ่งพาภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป ซึ่งสาเหตุที่ต้นทุนค่าไฟของประเทศไทยสูง เพราะต้องนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาผันผวนตามตลาดโลก อีกทั้งยังมีสัญญาซื้อขายไฟจากเอกชนที่ยาวถึง 20 ปี ทำให้ประชาชนต้องแบกรับราคาที่ไม่เป็นธรรมทุกเดือนล่าสุด นายพีระพันธุ์ ได้ประกาศแนวทางสำคัญ เตรียม “รื้อแผนพีดีพี” หรือแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศครั้งใหม่ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ อย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีบทบาทมากขึ้น ลดการพึ่งพาเอกชน และลดต้นทุนค่าไฟอย่างแท้จริง พร้อมผลักดันกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะทำให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านขั้นตอนขออนุญาตให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่ แจ้งก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบนอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังเร่งเจรจากับผู้ผลิตโดยตรง เพื่อให้คนไทยเข้าถึงโซลาร์เซลล์ในราคาประหยัด เพื่อให้คนไทยเข้าถึงพลังงานสะอาดแบบสบายกระเป๋ามากขึ้น ทั้งนี้ การลดค่าไฟไม่ใช่แค่การช่วยภาคครัวเรือน...
Business Highlight Online : 5 กรกฎาคม 2568 “อนุกูล” เผย กยศ. เร่งรัดผู้กู้ยืม 3.5 ล้านบัญชี ชำระเงินคืนภายในวันนี้ 5 ก.ค.นี้ ย้ำความรับผิดชอบของรุ่นพี่ คืออนาคตทางการศึกษาของรุ่นน้องต่อไปนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ดำเนินการเร่งรัดการชำระหนี้ผู้กู้ยืมกว่า 3.5 ล้านคนแล้วทุกช่องทาง อาทิ การส่งหนังสือแจ้งภาระหนี้ ข้อความ SMS และ Notification ผ่านแอปพลิเคชัน กยศ. Connect เพื่อแจ้งเตือนผู้กู้ยืม เร่งชำระหนี้ในวันที่ 5 ก.ค. 2568 นี้ เนื่องจากวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปีเป็นวันครบกำหนดชำระเงินคืน กยศ. สำหรับการผ่อนชำระรายปีทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินผ่านช่องทาง Mobile Banking ของทุกธนาคารด้วยการสแกน QR code ซึ่งจ่ายได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา และผู้กู้ยืมสามารถดูช่องทางการชำระอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ กยศ. https://www.studentloan.or.th/th/highlight/1548321901“ปัจจุบันกองทุนฯ มีนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้วกว่า...
Business Highlight Online : 4 กรกฎาคม 2568 ธ.ก.ส.เปิดตัวเงินฝากออมทรัพย์พิเศษโครงการ “เงินฝากทองเอก” รับดอกเบี้ยล่วงหน้าเข้าบัญชีเงินฝากทันทีตั้งแต่วันที่เริ่มฝากเงิน ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 100 ลบ.ต่อ/ราย ระยะเวลา 9 เดือน รับฝากตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 สิงหาคม 2568 ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศนายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนการออมเงินอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ได้ผลตอบแทนที่แน่นอน ธนาคารจึงได้เปิดตัว “เงินฝากทองเอก” รับดอกเบี้ยร้อยละ 1.60 ต่อปี พิเศษ! รับดอกเบี้ยล่วงหน้าเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์คู่โอนทันทีในวันที่ฝากเงิน ฝากขั้นต่ำครั้งละ 100,000 บาท รวมฝากสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย ส่วนลูกค้า นิติบุคคลและสถาบันที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อหากำไร รับฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลา 9 เดือน (ครบกำหนดแบบวันชนวัน) สำหรับบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย ส่วนนิติบุคคลเสียภาษีตามประกาศสรรพากรกรณีหากผู้ฝากถอนเงินฝากบางส่วนหรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝาก 9...
Business Highlight Online : 4 กรกฎาคม 2568 “พิชัย” บินกลับไทย ทำข้อเสนอใหม่เพิ่มเติม เจรจาภาษีสหรัฐ ยืนยันข้อเสนอเดิมได้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากนำทีมไทยแลนด์ เดินทางไปหารือกับผู้บริหารสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR ) และหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลไทยได้ผลตอบรับที่สำคัญ คือ ทำให้สหรัฐเชื่อมั่นและมั่นใจว่า ไทยเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ที่ผ่านมาความร่วมมือการค้าการลงทุน นับเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย นับว่าการเจรจาเป็นไปด้วยดี“สหรัฐฯ พอใจไทยที่กระตือรือล้นเข้าร่วมเจรจาด้วยกัน และไทยยินดีนำข้อเรียกร้องกลับมาทำข้อเสนอใหม่เพิ่มเติม ไทยยืนยันข้อเสนอไทย หากตกลงร่วมกันแล้ว นับเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติได้ยั่งยืนและได้ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย หรือ win-win Solution แม้การเจรจายังไม่ได้ผล ไทยยังเดินหน้าเจรจาเพื่อให้ได้ประโยชน์กับทั้งสองประเทศ นายพิชัย และทีมไทยแลนด์ จะร่วมปรับข้อเสนอให้ชัดเจน” นายพิชัย กล่าวย้ำทีมไทยแลนด์ยังได้หารือกับหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มลงทุนค่อนข้างสูงในประเทศไทย และต้องการลงทุนอยู่ในประเทศต่อไปอย่างยาวนาน รวมไปถึงการร่วมดูแลภาคเกษตร โดยทั้งสองประเทศให้ความสำคัญอย่างมาก ในการเจรจาภาษีศุลกากรครั้งนี้ เพื่อได้ยื่นเอกสารกับระดับนโยบาย จะทำให้รัฐบาลสหรัฐนำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณา นับว่าเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการในระดับนโยบายกับทั้งสองประเทศAdvertisement
Business Highlight Online : 3 กรกฎาคม 2568 IAA ชี้การเมือง-ขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐ ฉุดหุ้นไทย หั่นเป้า GDP เหลือ 1.87% คาด SET Index สิ้นปีที่ 1,231 จุด เสนอรัฐเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาอุตสาหกรรม New S-Curve และเทคโนโลยี ช่วยเหลือภาคธุรกิจ-ภาคประชาชนนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 22 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนไตรมาส 3 ปี 2568 โดยสมมติฐานหลักที่นักวิเคราะห์ใช้ พบว่า GDP ปี 68 รายที่ต่ำสุดที่ 1.4% สูงสุดที่ 2.4% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.87% ลดลงจากการประเมินเมื่อไตรมาสก่อน ซึ่งคาดการณ์ไว้เดิมที่ 2.56% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปีนี้ 68.65 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วน Risk Free Rate ที่ใช้ในการประเมินมูลค่า...
Business Highlight Online : 3 กรกฎาคม 2568 CardX เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงออนไลน์ยุคใหม่ คนไทยตกเป็นเหยื่อลดลง 42% แต่เสียหายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบแสนบาทต่อราย เผย 5 กลโกงยอดฮิต – 5 วิธีแอบอ้างCardX ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและบริการทางการเงินภายใต้กลุ่ม SCBX ออกโรงเตือนภัยหลังพบสถานการณ์การหลอกลวงทางออนไลน์ยังคงสร้างความเสียหายให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนเคสจะลดลง แต่มูลค่าความเสียหายต่อรายกลับเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลล่าสุดในปี 2568 พบว่าคนไทยยังคงถูกหลอกด้วยกลโกงต่าง ๆ รวมถึงการแอบอ้างจากมิจฉาชีพในรูปแบบที่ซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งขึ้นจากสถิติที่รวบรวมโดย CardX พบว่า ปี 2568 จำนวนเคสที่คนไทยตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพลดลงจากปีก่อนหน้า 42% ซึ่งสะท้อนถึงความตื่นตัวและความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัย แต่ในทางกลับกัน จำนวนเงินที่เหยื่อสูญเสียต่อรายกลับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9% จาก 83,800 บาทในปี 2567 เป็น 91,500 บาทในปี 2568 สะท้อนให้เห็นว่าแม้เหยื่อจะน้อยลง แต่มิจฉาชีพกลับเลือก “เหยื่อเป้าหมาย” ที่เสียหายหนักกว่าเดิมในบรรดากลโกงทั้งหมดที่พบ กลุ่ม “หลอกซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์” ยังคงเป็นกลโกงที่พบมากที่สุด คิดเป็น 57% ของคดีทั้งหมด โดยมิจฉาชีพมักอาศัยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสร้างเพจปลอม...
Business Highlight Online : 2 กรกฎาคม 2568 ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาทนางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”...
Verified by ExactMetrics