“ประยุทธ์” แกร่ง! ได้ “กิตติพงษ์” – “ศุภชัย” เสริมทัพ

4900

business highlight online : นับเป็นเรื่องดีที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะได้คนดี คนเก่งอีกคนหนึ่ง มาทำงานใกล้ชิดในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หลังจากที่ในวันนี้ (16  มีนาคม 2560) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน มีรายละเอียดระบุว่า ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 อนุมัติให้ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ บรรจุกลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตําแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจํา (นักบริหารระดับสูง) สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สํานักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สงวนตําแหน่งไว้ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 และได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งต่อไปแล้ว บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ให้ดํารงตําแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจํา (นักบริหารระดับสูง) สํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี สํานักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2560 ประกาศ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2560 ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายกิตติพงษ์ เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์สูงมาก ผ่านงานราชการในตำแหน่งต่างๆจนถึงระดับสูงสุด สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทด้านกฎหมายการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา (ทุน ก.พ.) เนติบัณฑิตไทย (นบท.) สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ปริญญาโทใบที่สองด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา (ทุนฟูลไบรท์) และปริญญาเอกด้านกฎหมาย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา (ทุนฟูลไบรท์)

นายกิตติพงษ์ รับราชการในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด ต่อมาในปี 2544 ได้โอนย้ายมารับราชการในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เคยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง อธิบดีกรมคุมประพฤติ รองปลัดกระทรวง และปลัดกระทรวงยุติธรรม

ภายหลังการยึดอำนาจโดย คสช. ในเดือนพฤษภาคม 2557 นายกิตติพงษ์ เป็นผู้หนึ่งที่ถูกกล่าวถึงว่าจะเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง (หาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ในขณะนั้น ไม่เป็นนายกรัฐมนตรีเอง) แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีการทาบทามแต่อย่างใด ต่อมาเขาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เนื่องจากดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ครบวาระ 4 ปี และต่ออายุมาแล้ว 2 ครั้ง ตามระเบียบของทางราชการ และต่อมาเขาได้ลาออกจากราชการ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย มีกำหนดเวลา 2 ปี

นอกจากนี้ นายกิตติพงษ์ ยังเป็นอาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และเป็นผู้บรรยายหลักสูตรเนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและสถาบันวิชาชีพ

จึงนับเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์สูงมากอีกคนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีในฐานะที่ปรึกษานายกฯ

ก่อนหน้านี้ มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์สูงมากอีกคนหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานกับนายกรัฐมนตรี คือ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามแต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการย่อย 4 คณะของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. จำนวน 39 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ

สำหรับชื่อชั้นของนายศุภชัยนั้นถือว่าอยู่ในระดับอินเตอร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท (เศรษฐมิติ) Development Planning จาก Netherlands School of Economics, Rotterdam ระดับปริญญาเอกด้านการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยอีราสมุส Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ เคยทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยเป็นผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และเคยเป็นเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) หลังการรัฐประหารของ คมช. ในปี 2549 เป็นผู้หนึ่งที่มีข่าวว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

การที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทั้ง นายศุภชัย พานิชภักดิ์ และ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ มาทำงานด้วย ถือว่าเป็นการ “เสริมแกร่ง” ให้กับ พลเอก ประยุทธ์ และรัฐบาลอย่างดีทีเดียว เพราะทั้งสองคนมีทั้งแนวความคิดและวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ในระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศอย่างสูง นายศุภชัยนั้นด้านเศรษฐกิจ ส่วนนายกิตติพงษ์นั้นด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งชื่อเสียงและความสามารถของทั้งสองคนอยู่ในระดับที่เคยมีชื่อจะเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว จึงถือว่าไม่ธรรมดา

หาก พลเอก ประยุทธ์ ใช้ความรู้ความสามารถของทั้งสองคนให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ก็จะทำให้ พลเอก ประยุทธ์ มีข้อมูลและมุมมองกว้างขวางมากขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและอื่นๆ นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังอาจเป็นตัวเลือกในอนาคตที่ พลเอก ประยุทธ์ อาจจะนำเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอย่างดีด้วย

ดังนั้น ทั้งสองคนจะต้องใช้โอกาสนี้ทุ่มเทความรู้ความสามารถทำงานให้กับนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ยอมให้ใครครอบงำหรือห้อยโหนชื่อเสียงและคอนเน็คชั่น เหยียบเป็นบันไดทางการเมือง

ทำงานช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี ให้ทำงานเพื่อบ้านเมืองสำเร็จลุล่วง ไม่แน่นายกรัฐมนตรีในอนาคตหลังจาก “ลุงตู่” อาจเป็นหนึ่งในสองคนนี้ก็ได้??

วิเคราะห์ข่าว : “ประยุทธ์” แกร่ง! ได้ “กิตติพงษ์” – “ศุภชัย” เสริมทัพ

business highlight online : post 16 มีนาคม 2560 เวลา 22.57 น.