ธ.ออมสินปล่อยกู้ยกระดับสตรีทฟู้ด หวังดูดเงินนักท่องเที่ยวเพิ่ม ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

2633

business highlight online : “สตรีท ฟู้ด” หรือ “ร้านอาหารริมถนน บนทางเท้า” กลายเป็นจุดสนใจของหลายฝ่ายขึ้นมาทันที ภายหลังจากที่สำนักข่าว CNN จัดอันดับให้กรุงเทพฯเป็น “สวรรค์แห่งอาหารริมทาง” หรือเมืองที่มีอาหารริมทาง (Street Food) ดีที่สุดในโลก เป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความยินดีกับการที่สำนักข่าว CNN จัดอันดับให้ดังกล่าว

ทั้งนี้ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยว่า สำนักข่าว CNN ยังคงจัดอันดับให้กรุงเทพฯ เป็น “สวรรค์แห่งอาหารริมทาง” หรือเมืองที่มีอาหารริมทาง (Street Food) ดีที่สุดในโลก ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้ออาหารได้หลากหลาย เช่น น้ำเต้าหู้มื้อเช้า ข้าวหอมมะลิมื้อกลางวัน ผัดไทย หมูสะเต๊ะมื้อเย็น พร้อมระบุด้วยว่า เยาวราชคือย่านของกินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง

พลโท สรรเสริญ เปิดเผยต่อไปว่า นอกจากนี้ สภาอาหารริมทางโลก (World Street Food Congress) ได้ยกให้ “หอยทอด” เป็น 1 ใน 3 ของอาหารที่ขึ้นชื่อมากที่สุด ที่หารับประทานได้ริมทางในกรุงเทพฯ โดยพ่อครัวจะปรุงสุกใหม่จานต่อจานบนกระทะร้อนๆให้แก่ลูกค้า

“ท่านนายกรัฐมนตรีรับทราบและดีใจที่กรุงเทพฯ ยังติดอันดับโลกด้านอาหารริมทาง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะอย่างหนึ่งของไทยที่หลายประเทศไม่มี นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาอาหารอร่อยได้ตลอดเวลา โดยท่านนายกฯได้เน้นย้ำให้พ่อค้าแม่ค้าปรุงอาหารให้ถูกหลักอนามัย คำนึงถึงความสะอาดปลอดภัยทั้งในแง่ของอาหารและสิ่งแวดล้อมรอบๆร้าน รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกประทับใจ”

ก่อนหน้านั้น อนาคตของ Street Food ดูจะไม่แน่นอน ภายหลังจากที่ กทม.ออกมาจัดระเบียบทางเท้า โดยห้ามการจำหน่ายอาหารและสินค้าริมทางเท้าบนถนนสายสำคัญๆในพื้นที่ กทม.อย่างเด็ดขาด แต่เมื่อ CNN ออกมายกย่อง Street Food เมืองไทยถึง 2 ปีซ้อน และ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาแสดงความชื่นชม ก็ทำให้ Street Food มีอนาคตสดใสขึ้นมาทันที โดยทุกฝ่ายมองเห็นถึงจะเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งของไทย ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากไปด้วย

โดยในส่วนของ กทม.ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า กทม.จะยกเลิกร้านขายอาหารริมถนนว่า เป็นความเข้าใจผิด ที่ กทม.ทำคือไม่ใช่การห้ามขายอาหารริมทาง แต่เป็นการจัดระเบียบและยกระดับให้ได้มาตรฐานทั้งความสะอาดและความปลอดภัย และไม่ให้รุกล้ำทางเท้าจนเป็นอุปสรรคต่อประชาชนที่สัญจรบนทางเท้าอย่างที่เคยเป็นมา ทั้งนี้ นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ที่มีการเสนอข่าว กทม.มีมาตรการห้ามขายอาหารริมถนน หรือ สตรีท ฟู้ด ในพื้นที่กรุงเทพฯทั้งหมด โดยจะดำเนินการภายในปี 60 เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กทม.มีนโยบายส่งเสริมร้านอาหารข้างทาง เนื่องจากประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องนี้ โดยพื้นที่ถนนข้าวสารและย่านเยาวราชจะเป็นสถานที่เป้าหมายที่จะดำเนินการ แต่ไม่ใช่ทุกพื้นที่ของ กทม. เพียงแต่มีการกำหนดจุดที่เหมาะสมเท่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเดินหน้ายกระดับอาหารข้างทางต่อไป”

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงแนวทางการจัดระเบียบร้านอาหารริมทาง (Street Food) ว่า กทม. ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่าย กำหนดพื้นที่จัดกิจกรรม Street Food ตามนโยบายการจัดระเบียบ เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ผู้ใช้รถและทางเท้า สามารถสัญจรได้สะดวก ปลอดภัย บนพื้นฐานแห่งสิทธิและความเท่าเทียม เกิดความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมถึงเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้บริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนกระตุ้นเตือนให้ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และช่วยยกระดับถนนเยาวราช และถนนข้าวสารให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและยั่งยืน ซึ่งเป็นการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่– แผงลอย บริเวณที่อนุญาตให้ทำการค้าได้ โดยนำร่องใน 2 จุด

จุดแรกคือ บริเวณถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ ตั้งแต่แยกเฉลิมบุรีถึงแยกราชวงศ์ ยาวประมาณ 600  เมตร ส่วนใหญ่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และเบ็ดเตล็ด โดยกำหนดให้ช่องทางซ้ายสุดและขวาสุดเป็นพื้นที่สำหรับประชาชนเดินเลือกซื้ออาหารตั้งแต่เวลา 18.00–24.00 น. ให้ผู้ประกอบการค้า ร้านอาหารวางแผงค้าอาหารบนทางเท้าด้านชิดกับผิวการจราจร ขนาดแผงประมาณ 1.00×2.00 เมตร กรณีมีโต๊ะบริการให้ลูกค้านั่งรับประทานให้จัดโต๊ะเฉพาะในพื้นที่ของตนที่ได้รับอนุญาต ทุกร้านต้องทำแผงขายอาหารที่มีลักษณะเดียวกัน และสะท้อนอัตลักษณ์ของถนนเยาวราช ผู้ค้าและผู้ช่วยค้าทุกคนจะต้องผ่านการอบรมและทดสอบด้านสุขอนามัย และโภชนามัยจากสำนักอนามัย กทม.ก่อน ซึ่งจะจัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อตรวจตราไม่ให้ผู้ค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้ผ่านการอบรมเข้าค้าขายเด็ดขาด

จุดที่ 2 คือบริเวณถนนข้าวสาร เขตพระนคร ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้ที่ค้าขายอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ค้าตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าทั้งสองฝั่ง แต่อนุญาตให้วางแผงค้าบนพื้นถนนได้ตั้งแต่เวลา 18.00–24.00 น. ซึ่งจะไม่อนุญาตให้ผู้ค้าที่เป็นต่างด้าวเข้าทำการค้า และทุกร้านต้องจัดทำแผงขายอาหารที่มีลักษณะเดียวกันและสะท้อนอัตลักษณ์ของถนนข้าวสาร พร้อมทั้งกำหนดให้มีช่องทางสำหรับรถฉุกเฉิน ขนาดไม่ต่ำกว่า 5.00 เมตร เพื่อดูแลเหตุฉุกเฉินทั้ง 2 ฝั่งถนนได้สะดวก

โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ นอกจากนี้จะกำหนดที่ทิ้งขยะ หรือบริเวณล้างภาชนะใส่อาหารให้เป็นจุดๆ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาด มีติดป้ายราคาทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาอื่นๆ ตามความเหมาะสม โดย กทม.จะออกใบรับรองคุณภาพให้กับร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจำหน่ายสิ่งของในบริเวณถนนเยาวราช และถนนข้าวสาร เพื่อรับรองว่าร้านค้าดังกล่าวได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองคุณภาพแล้ว มีความสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวทำการค้าใดๆ เนื่องจากเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ด้าน ททท. เตรียมจับมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดงาน “แบงค็อก สตรีท ฟู้ด เฟสติวัล” ในเดือน มิ.ย. 2560 เพื่อเป็นการตอกย้ำความตั้งใจของไทยในการส่งเสริมอาหารข้างทางเป็นหนึ่งในกลไกผลักดันรายได้ด้านท่องเที่ยว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่การจัดงาน ซึ่งอาจจะเลือกย่านที่เป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยว เช่น ถนนข้าวสาร, เยาวราช หรือย่านประตูน้ำ เป็นต้น โดย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ต้องตอกย้ำอีกครั้งว่า สตรีท ฟู้ด อย่างไร แบบไหน ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของการท่องเที่ยวที่จะได้รับการส่งเสริมต่อเนื่อง และที่ผ่านมามีหน่วยงานระดับนานาชาติให้ความสำคัญต่อเนื่อง เช่นล่าสุดที่ซีเอ็นเอ็นยกให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เป็นตลาดสดที่ดีที่สุดในโลกอันดับที่ 4 ของโลก ถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น”

และล่าสุด ธนาคารออมสินเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เข้ามาโอบอุ้มและส่งเสริม สตรีท ฟู้ด ด้วยการเตรียมปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการค้าขายอาหารข้างทาง (สตรีท ฟู้ด) ตามนโยบายส่งเสริมอาชีพกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสินเชื่อที่จะปล่อยนี้มุ่งยกระดับร้านขายอาหารริมทางให้เป็นที่ได้รับความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานการประกอบการยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2560 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ธนาคารเตรียมเปิดตัวสินเชื่อเพื่อส่งเสริมอาชีพกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้วยสินเชื่อในกลุ่มค้าขายอาหารข้างทาง (สตรีท ฟู้ด) เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวห้องแถว ร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านน้ำดื่ม รวมถึงสนับสนุนเช่าซื้อรถขายอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัก) ซึ่งธนาคารออมสินจะให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำประมาณ 0.4-0.5% ต่อเดือน ถูกกว่าดอกเบี้ยของโครงการธนาคารประชาชน เพราะสินเชื่อสตรีท ฟู้ด เป็นสินเชื่อที่มุ่งนำไปหารายได้เพิ่ม สำหรับวงเงินสินเชื่อเพื่อพัฒนามาตรฐานร้านอาหารสตรีท ฟู้ด จะให้วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท สำหรับร้านค้าที่เป็นรถเข็น และวงเงิน 500,000-1,000,000 บาทสำหรับผู้ประกอบการฟู้ดทรัค หรือร้านค้าที่เป็นรถขายอาหาร รวมถึงการปรับปรุงร้านค้า โดยหากกู้ต่ำกว่า 500,000 บาท ไม่ต้องมีคนค้ำ แต่หากเกิน 500,000 บาทจะต้องหาหลักประกัน ทั้งนี้เตรียมวงเงินปล่อยกู้ประมาณ 3 พันล้านบาท คาดว่าจะมีผู้กู้ประมาณ 1 หมื่นราย

นอกจากการสนับสนุนสินเชื่อแล้ว ธนาคารออมสินได้วางแผนช่วยสร้างแบรนด์และด้านการตลาดให้กับร้านค้าดังกล่าว โดยมีแนวคิดให้ใบรับรองคุณภาพอาหาร มีรายการเรียลลิตี้โชว์เพื่อช่วยโปรโมต โดยจะเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ทั้ง กทม. เทศบาล ในการสนับสนุนจัดพื้นที่ให้ร้านค้าไปตั้ง เช่น ถนนคนเดิน ถนนข้าวสาร เยาวราช ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ธนาคารมุ่งหวังยกระดับร้านขายอาหารริมทางให้เป็นที่ได้รับความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้ร้านอาหารริมทางของไทยมีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น การที่ธนาคารเข้าไปส่งเสริมช่วยผลักดันให้เกิดความน่าเชื่อถือ จะเป็นการสร้างแบรนด์สตรีท ฟู้ดของไทยให้เป็นแบรนด์ระดับโลก สร้างความน่าเชื่อถือสำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้พ่อค้าแม่ค้าริมทางมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาไทยปีละกว่า 30 ล้านคน ถ้าใช้จ่ายเพิ่มคนละ 1,000 บาท จะทำให้เงินสะพัดกว่า 30,000 ล้านบาท

เศรษฐกิจฐานราก / ชุมชน : ธ.ออมสินปล่อยกู้ยกระดับสตรีทฟู้ด หวังดูดเงินนักท่องเที่ยวเพิ่ม ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

business highlight online : post 28 พฤษภาคม 2560 เวลา 22.20 น.