คณะผู้แทน IMF เข้าพบ “อุตตม” ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 พื้นฐานแกร่ง ยังไปได้สวย

1652

business highlight online : คณะผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโอกาสการประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยประจำปี 2562 (2019 IMF Article IV Consultation)

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 คณะผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) นำโดย Mr.Lamin Y.M. Leigh ตำแหน่ง IMF Mission Chief for Thailand ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อรายงานผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยประจำปี 2562 ตามนัยแห่งข้อตกลงว่าด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF Article IV Consultation) โดยสรุปผลการประเมินที่สำคัญ ดังนี้

1.สถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย

สำหรับสภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน แม้จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากกรณีความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน แต่เศรษฐกิจไทยยังคงสามารถขยายตัวได้จากการบริโภคภาคเอกชนที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ นอกจากนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ฐานะการเงินระหว่างประเทศของไทยยังอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ทำให้เชื่อได้ว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถรองรับจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก คณะผู้แทนฯเห็นว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนของไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดี เนื่องมาจากมีความชัดเจนทางการเมืองและการลงทุนภาครัฐที่เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยควรเฝ้าระวังความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่อาจเกิดได้อีกที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญต่างๆชะลอตัวลง

2.การดำเนินนโยบายการคลัง

คณะผู้แทนฯได้แสดงความชื่นชมต่อการดำเนินนโยบายการคลังของไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิรูปการคลัง เช่น การออกกฎหมายพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เพื่อกำหนดกรอบวินัยทางการเงินการคลังของประเทศไทย เป็นต้น และในการพัฒนากฎหมายต่างๆเพื่อสร้างความโปร่งใสของภาครัฐและป้องกันการทุจริต

ในขณะเดียวกัน คณะผู้แทนฯสนับสนุนการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว โดยแนะนำให้ประเทศไทยควรมีการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และสนับสนุนการดำเนินนโยบายสวัสดิการสังคมแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (Targeted Social Welfare Policy) โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์จำนวนกว่า 14.6 ล้านคน รวมทั้งควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงและเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนด้านการศึกษา การสาธารณสุข และการให้โอกาสทางเศรษฐกิจที่เสมอภาคแก่ประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ คณะผู้แทนฯเชื่อว่าการดำเนินนโยบายต่างๆนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต

ด้าน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวต่อคณะผู้แทนฯว่า การดำเนินนโยบายการคลังของไทยในระยะต่อจากนี้ไปจะสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ EEC รวมทั้งการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งระบบรถไฟ ถนน ท่าเรือ และสนามบินต่างๆ ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศไทยได้ปรับปรุงกฎหมายการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสามารถดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะเน้นการปรับโครงสร้างภาษีในภาพรวมและพัฒนาระบบภาษีให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้นและจะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงงานแห่งอนาคตที่มีทักษะขั้นสูงเพื่อรองรับความต้องการแรงงานในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ต่อไป

เศรษฐกิจนโยบาย : คณะผู้แทน IMF เข้าพบ “อุตตม” ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 พื้นฐานแกร่ง ยังไปได้สวย

business highlight online : post 20 กรกฎาคม 2562 เวลา 18.00 น.