“ประยุทธ์” ชี้ไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ลดพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว

489

business highlight online : นายกรัฐมนตรีแนะไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ลดพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น

8 กันยายน 2563 เวลา 13.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยว่ารัฐบาลได้ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนงานโครงการต่างๆ ตาม พ.ร.ก. เงินกู้ฯ พร้อมปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พบปะภาคเอกชน 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ เพื่อรับทราบข้อคิดเห็นและดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนส่วนไหนได้บ้าง เป็นการทำงานร่วมกัน โดยจุดมุ่งหมายสำคัญคือ ลดการเลิกจ้างงานพนักงานให้มากที่สุด โดยรัฐบาลจะจัดหางบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดูแลลูกจ้าง พนักงาน ในห่วงโซ่ผู้ประกอบการรายใหญ่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยถึงเศรษฐกิจโดยรวมว่า มีการปรับตัวดีขึ้นตามลำดับจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนสิงหาคมลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน และลดลงน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน รวมถึงราคาอาหารสดดีขึ้นตามลำดับ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐดีขึ้น อยู่ที่ 31.34 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แม้พบผู้ติดเชื้อแต่ระบบของสาธารณสุขก็สามารถติดตามกลุ่มเสี่ยงเพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรอง ซึ่งยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มกำลังตามพื้นที่แนวชายแดนเพื่อป้องกันผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยนายกรัฐมนตรีเผยว่า เตรียมหารือกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเพิ่มวันหยุดให้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ รวมทั้งการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไทยที่มีอยู่ ให้มีการใช้งานได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น วันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นปรับปรุงสร้างเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่ต้องพึ่งพาการส่งออก การท่องเที่ยว แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง อาจต้องจัดทำโครงการขนาดใหญ่เพื่อส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมจากแผนงาน EEC ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อเชื่อมการขนส่งระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตก ท่าเรือต่างๆระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ด้วยการศึกษา Land Bridge เพื่อสร้างรากฐานแก่เศรษฐกิจระยะยาว

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันประเทศไทยได้เข้าร่วมการพัฒนาวัคซีนร่วมกับต่างประเทศ โดยมีงบประมาณ 1,000 ล้านบาทจากกองทุนวัคซีนแห่งชาติ สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ  อาทิ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ต่างจากประเทศไทย ซึ่งทุกประเทศมีมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมจ้างงาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน

Advertising