business highlight online : วันนี้ (1 มิ.ย. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณคำอภิปรายต่างๆของสมาชิกฯทุกคน เข้าใจดีถึงความมุ่งหวังของทุกคน ที่ต้องการจะให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าและเติบโต พร้อมย้ำถึงการจัดเก็บรายได้ของรัฐว่า วันนี้รัฐบาลได้มีการผ่อนคลาย ผ่อนผันมาตรการต่างๆ ทั้งการยืดอายุ ลดดอกเบี้ย ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดน้อยลง ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด สงครามการค้า และสงครามความขัดแย้งในภูมิภาคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ GDP ของประเทศสูงขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดการแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้า ที่มุ่งดูแลช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน ผ่านระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า หรือ TPMAP ให้เกิดความครอบคลุม โดยคำนึงจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขให้เกิดความยั่งยืน ประชาชนมีความเท่าเทียม สิ่งสำคัญคือทุกคนสามารถอยู่รอดได้ภายใต้สถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย และงบประมาณปี 66 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลนั้นว่า รัฐบาลได้ดำเนินโครงสร้างต่างๆอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมาจนเกิดผลสำเร็จในวันนี้ รวมถึงนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาในการบริหารราชการ แก้ไขปัญหาโควิด-19 โครงการจัดทำ Big Data ต่างๆ ซึ่งล้วนได้ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น ตลอดจนมีการปรับปรุงแก้ไขในเรื่องของการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ และทำกฎหมายใหม่ เพราะต้องอยู่กันด้วยระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ซึ่งกฎหมายใดที่เป็นประโยชน์ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน ต่อประชาชน ก็ต้องช่วยกันให้ผ่านไปให้เร็ว อย่าได้แต่ขัดแย้งกันอยู่เลย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้งบประมาณมากพอสมควร ดังนั้น หากจะลดข้าราชการลง จะต้องพัฒนาการใช้เทคโนโลยี การใช้เครื่องมือก่อน จึงค่อยมีการปรับลดการบรรจุข้าราชการใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยรัฐบาลได้ให้นโยบายไปแล้วว่า ในการบรรจุข้าราชการใหม่ ทุกกระทรวงจะต้องลดปริมาณข้าราชการลง จากการเกษียณอายุในแต่ละปี ซึ่งอยู่ในแผนของสำนักงาน ก.พ. อยู่แล้ว นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกๆในภูมิภาคอาเซียนที่พร้อมเปิดประตูสู่โอกาสในการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล ทำให้การส่งผ่านข้อมูลรวดเร็วขึ้น โดยในปี 2564 ความเร็วเฉลี่ยของอินเทอร์เน็ตบ้านของไทยอยูที่ 308 ล้านบิทต่อวินาที ถือว่าแรงเป็นอันดับต้นๆของโลก รวมทั้งโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ซึ่งมีจำนวน 74,987 หมู่บ้านทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเป็นโครงการที่ได้รับรางวัลจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ITU ในปี 2019 นอกจากนั้น ยังมีโครงการสายเคเบิลใต้น้ำ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ โดยมีอยู่ 1 เส้น วันนี้ได้ดำเนินการต่อซึ่งจะช่วยเสริมบทบาทของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของอาเซียน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เชื่อมต่อจีน อินเดีย อาเซียน ที่มีประชากรกว่า 3,300 ล้านคนด้วย
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลได้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในเรื่องการทำให้เกิดสังคมไร้เงินสด พัฒนาแพลตฟอร์มในการขับเคลื่อนนโยบายมาตรการต่างๆ จนสามารถปฏิบัติได้จริง เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถจ่ายเงินโดยตรงให้กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ โครงการพร้อมเพย์ และ QR Payment การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบ Any ID เชื่อมโยงหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน แอพพลิเคชันถุงเงิน รวมไปถึง SME ขนาดเล็ก การใช้จ่ายเงินดิจิทัลของผู้ร่วมโครงการผ่านแอปเป๋าตัง ทั้งนี้สำหรับโครงการ 5G ที่รัฐบาลได้วางไว้นั้นสามารถรองรับพัฒนาต่อยอดระบบต่างๆได้อีกจำนวนมากโดยจะต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริการภาครัฐได้อย่างรวดเร็วและตรงตัวที่สุด ซึ่งเรื่องของดิจิทัลจะทำให้เกิดรายได้ประเทศเพิ่มขึ้น และเชื่อมต่อการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ โดยรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด โดยคำนึงถึงศักยภาพโอกาสของไทยคือเรื่องเกษตรกรรม ควบคู่กับการแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนในเรื่องของพลังงาน ปุ๋ย หรืออื่นๆ ซึ่งรัฐบาลจะหาวิธีการที่จะดำเนินการให้ได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในส่วนของโครงข่ายเหล่านี้ ได้นำไปสู่เรื่องสาธารณสุข โครงการ Siriraj Smart Hospital โรงพยาบาลอัจฉริยะ และการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อให้เป็นสถานีอัจฉริยะ ยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในการที่จะร่วมมือกัน ขอย้ำว่า อะไรที่ไม่ดีก็รับไปพิจารณา ส่วนงบประมาณต่างๆ ก็เสนอผ่านจากส่วนท้องถิ่น ส่วนจังหวัดขึ้นมาทั้งสิ้น ผ่านกระทรวง ทบวง กรม คณะทำงานสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจสอบแผนงานและโครงการ ก่อนเสนอเป็นโครงการขึ้นมา เพื่อพิจารณาว่าอะไรที่รัฐบาลจะลงทุนเอง โดยเฉพาะโครงสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายเพื่อจะได้สอดประสานกันความต้องการของพื้นที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสิ่งที่จะทำให้ได้ GDP เพิ่มขึ้นว่า หากไม่ขึ้นภาษีก็ต้องหารายได้ใหม่ขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลก็พยายามอย่างยิ่งในการที่จะหารายได้ใหม่ ทั้งจากเรื่องของผลงานวิจัยและพัฒนา ซึ่งเดินหน้าไปมากพอสมควร โดยขณะนี้รัฐบาลได้ปรับแก้ 30% ของงบประมาณภาครัฐ จัดซื้อสินค้าหรือผลงานวิจัยพัฒนาในประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันเรื่องวิสาหกิจชุมชนในทุกภาคธุรกิจ ทั้งเรื่องอาหารการกิน เครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ โดยต้องอยู่ในกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งได้ใช้งบประมาณตรงนี้ไปบางส่วนแล้ว ส่งผลให้วิสาหกิจชุมชนเจริญเติบโตขึ้นมากมาย ซึ่งนั่นคือความเข้มแข็งของประชาชนที่รวมตัวกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่รวมตัวกันแล้วแตกแยก ไม่มีใครบริหารได้ท่ามกลางความขัดแย้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับยอดหนี้สาธารณะมีความจำที่ต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะโควิด -19 การลงทุนต่างๆ และอยู่ภายใต้กฎหมาย แม้ไม่อยากจะปรับแต่จำเป็นก็ต้องปรับ เป็นการปรับแผนระยะปานกลาง 3 ปี ซึ่งหากดีขึ้นก็จะมีการปรับลดลงไปเท่าเดิม ไม่ใช่ให้อยู่ตลอดไป ขอให้ศึกษากฎหมายบ้าง ทั้งนี้ ในเรื่องหนี้ครัวเรือน ยอมรับว่าต้องเพิ่มขึ้นและเดือดร้อน โดยรู้สึกเข้าใจและเห็นใจคนเป็นหนี้และคนจน ซึ่งหลายโครงการมีการใช้งบประมาณทุ่มเทลงไปเป็นจำนวนมากในการที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึง แต่ถ้ามากอย่างที่สมาชิกฯ ต้องการยังทำไม่ได้ เพราะงบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด โดยรัฐบาลดำเนินการภายใต้นโยบายให้ประชาชนอยู่รอดปลอดภัย และพอเพียง ลดหนี้สิน ลดปัญหา ปลอดภัยทั้งสุขภาพ ปลอดภัยทุกเรื่อง และท้ายสุดเกิดความยั่งยืน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงเรื่องของบ่อน้ำบาดาลขนาดเล็กและขนาดใหญ่ว่ามีความจำเป็น โดยต้องมีการเพิ่มการลงทุน เพิ่มงบประมาณในการทำโครงการขนาดใหญ่ 17 จังหวัด เช่น โครงการน้ำบาดาลเลาขวัญ ซึ่งรัฐบาลปรับและดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปถึงทุกจังหวัดที่มีปัญหาน้ำบาล โดยย้ำว่าน้ำบาดาลนั้นต้องขุดลึก ไม่ใช่ 50 เมตรหรือ 60 เมตร ต้องขุดลึกลงไปเป็นกิโลเมตรถึงจะมีปริมาณน้ำที่เพียงพอในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรที่ใช้น้ำน้อย การริเริ่มจำเป็นต้องซื้อเครื่องจักร เครื่องไม้เครื่องมือเข้ามาใหม่ ต้องใช้เวลา ใช้งบประมาณ เหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลคิด รัฐบาลทำ เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นแล้ว
Advertisement