สคร.จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสิ้นไตรมาส 3 ปีงบ 65 จำนวน 116,130 ล้านบาท

286

business highlight online : 18 กรกฎาคม 2565 นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 มิถุนายน 2565) สคร. จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 (กิจการฯ) รวมทั้งสิ้นจำนวน 116,130 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการสะสมจำนวน 14,643 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 81 ของเป้าหมายการจัดเก็บในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 142,800 ล้านบาท โดยเงินนำส่งรายได้แผ่นดินส่วนใหญ่มาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด 10 อันดับแรก ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2565 มีดังนี้

1 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 38,997 ล้านบาท

2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 29,198 ล้านบาท

3 ธนาคารออมสิน 14,607 ล้านบาท

4 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 9,919 ล้านบาท

5 การไฟฟ้านครหลวง 3,325 ล้านบาท

6 การยาสูบแห่งประเทศไทย 2,619 ล้านบาท

7 การท่าเรือแห่งประเทศไทย 2,610 ล้านบาท

8 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2,600 ล้านบาท

9 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 2,374 ล้านบาท

10 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1,345 ล้านบาท

11 อื่นๆ และกิจการฯ 8,536 ล้านบาท

รวม 116,130 ล้านบาท

หมายเหตุ : ข้อมูลเงินนำส่งรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลัง โดย สคร. จัดเก็บ ไม่รวมเงินนำส่งรัฐประเภทอื่น เช่น ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ

สำหรับในปีงบประมาณ 2565 เป็นการจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากผลประกอบการในปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2565 มีการนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงกว่าประมาณการสะสมเนื่องจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่บางแห่งสามารถนำส่งรายได้แผ่นดินสูงกว่าที่ประมาณการไว้ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งอาจยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในระลอกที่ผ่านมา ซึ่ง สคร. จะได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่รัฐวิสาหกิจจะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้การกำกับติดตามการนำส่งเงินรายได้แผ่นดินของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างเสถียรภาพทางการคลังได้อย่างยั่งยืน

Advertisement