ผู้ส่งออกคาดส่งออกไทยปีนี้โตได้ร้อยละ 7-8

110

business highlight online : 4 ตุลาคม 2565 สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ประเมินการส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 7-8 แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ทั้งเงินเฟ้อประเทศคู่ค้าอยู่ระดับสูง ราคาพลังงานแพง ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท. คาดการณ์การส่งออกปี 2565 ทั้งปี ขยายตัวที่ร้อยละ 7-8 (ณ เดือนตุลาคม 2565) โดยมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าสำคัญทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อเนื่องถึงสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลกอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ไทยอาจเสียเปรียบจากการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่มีค่าเงินอ่อนค่ากว่า โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาของไทยลดลง ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง จากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐปรับตัวลดลง ประกอบการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า FT ส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและต้นทุนในการดำรงชีวิตภาคครัวเรือน และปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ เหล็ก ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ประกอบด้วย ควรเร่งส่งออกในช่วงค่าเงินบาทอ่อน แต่ต้องติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสม ด้านพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ขอให้ภาครัฐช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า FT ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป ขอให้เร่งแก้ไขปัญหากฎระเบียบด้านการถ่ายลำ เพื่อดึงดูดเรือแม่เข้ามาให้บริการแบบ Direct Call ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้า รวมถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าระวางเรือให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้

สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทย 8 เดือนแรกปีนี้ มูลค่าส่งออก 196,446.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11 (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่า การส่งออกในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม ขยายตัว 8.5%) ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 210,578.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.4 ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2565 ขาดดุล 14,131.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Advertisement