“ประยุทธ์” มอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 ใช้งบต้องคุ้มค่า ตรวจสอบได้

219

business highlight online : 12 มกราคม 2566 นายกฯ มอบนโยบายจัดทำงบประมาณปี 67​ ย้ำใช้งบอย่างระมัดระวัง คุ้มค่า​ ตรวจสอบได้ โครงการไหนไม่ได้ตามเป้าให้ยกเลิก เอาเงินไปใช้โครงการอื่นให้เกิดประโยชน์ ลั่นทุจริตต้องถูกดำเนินคดี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2567 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์​ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ นายสุชาติ​ ชม​กลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร​ วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ร่วมประชุม

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า สถานการณ์ของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่มีเสถียรภาพมีความมั่นคงทางด้านงบประมาณ ได้รับการยอมรับและมีการพัฒนาในประเทศหลายส่วน แม้ว่าจะมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบกับโควิด- 19 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ทางภูมิศาสตร์ระหว่างประเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้การพัฒนาในอนาคตเปลี่ยนแปลงไปมาก การพลิกผันการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของโลกที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจำนวนมากต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความท้าทายภายในประเทศ ที่ต้องบริหารจัดการกับปัญหาความเจริญของเศรษฐกิจภายในประเทศ หนี้สินครัวเรือน การเข้าสู่สังคมสูงวัย​ ซึ่งส่งผลกระทบต่อจำนวนแรงงาน รวมทั้งปัญหาคุณภาพและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม สภาพแวดล้อม

“เราเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มาหลายปี แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ​จำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่า ให้เกิดความสมดุลเพื่อแก้ไขปัญหาทุกมิติ ต้องเดินไปพร้อมกัน รัฐบาลมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท เตรียมพร้อมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาอันเป็นประเด็นหลักเร่งด่วนอย่างเต็มที่สุดกำลังความสามารถ พัฒนาปฏิรูปด้านต่าง ๆ ให้เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง หากย้อนกลับไป จะเห็นว่าการดำเนินการมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์​ ผมคิดว่าทุกคนก็คงเห็นบ้าง หากไม่เห็นก็ไม่รู้จะทำอย่างไร​ ว่ามีอะไรคืบหน้ามาบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการทางการคลังเพื่อฟื้นฟูผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด 19 ลดผลกระทบของการปรับขึ้นราคาสินค้า โดยได้บัญญัติมาตรการเฉพาะ​เจาะจง​ ในการแก้ไขปัญหา​ สำหรับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ อย่างกลุ่มผู้มีรายได้น้อยประชาชนทั่วไปเพื่อรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคนและโครงการคนละครึ่ง​ ไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน สินเชื่อดอกเบี้ยตามมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ตลอดจนมีการช่วยเหลือภาคแรงงานสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการประกันรายได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านการบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ต้นทุน​พลังงานที่นำเข้าจำนวนมาก วันนี้เกิดผลกระทบ และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาบรรเทาผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตอุดหนุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลก๊าซหุงต้มก๊าซ NGV การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า การลดเงินนำส่งของนายจ้างตามมาตรา 33 ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมีการช่วยเหลือกว่า 15 ล้านราย สำหรับประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมอย่างเท่าทัน คือการแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น เรื่องการลดข้อจำกัดในการประกอบอาชีพโดยอบรมแรงงานให้ครอบคลุมกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อจะเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพสามารถพึ่งพาตัวเองได้ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 370,000 คน การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและหนี้กองทุน กยศ. การปราบปรามการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนการปรับปรุงระบบภาษีการขยายโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ที่ได้รับผลกระทบจากค่าของชีพ

“ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง สร้างอาสาสมัคร สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดทั้งกายภาพและจิตใจ รณรงค์ ป้องกันและแก้ไขทั้งในสถานประกอบการโรงเรียนเรือนจำทัณฑสถาน ฟื้นฟูดูแลผู้เสพสร้างโอกาสสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคม การแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการเฝ้าระวังการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและเข้มงวด ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม มีขั้นตอนในการดำเนินการทุกอย่าง อะไรก็ตามที่เป็นความผิดต้องถูกดำเนินการทางกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกันที่ต้องร่วมมือกัน ขอฝากไว้ด้วย ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ​ ผมไม่เคยปล่อยปละละเลยใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามความรับผิดชอบของทุกส่วนในกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องมีความร่วมมือของประชาชนในการร่วมมือร้องทุกข์กล่าวโทษ”  นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนเว็บไซต์ภาษี ได้สั่งการเพิ่มเติมว่าต้องรู้ว่าทุกอย่างมาอย่างไรไปอย่างไร​ ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า​ จัดสัดส่วนต่าง ๆ ได้เหมาะสมหรือไม่ จะได้​​รู้ได้เข้าใจกัน แล้วจะไม่เป็นปัญหาในอนาคต การใช้จ่ายเงินจะใช้ให้ใคร​ รายจ่ายต้องคำนึงถึงที่มาของรายได้ อยากบอกให้ทุกคนทราบว่า​ รัฐบาลเป็นห่วงเป็นใยทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกพวก​ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้มาจากภาษีของประชาชน ในแต่ละประเภทให้เกิดความสมดุล​ เกิดความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากที่สุด

“รัฐบาลวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศไปสู่อนาคต อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าจะต้องหารายได้เพิ่มเติม​ ให้พ้นจากประเทศที่เป็นรายได้ปานกลางให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูงโดยเร็วที่สุด เพื่อมาดูแลให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่มีรายได้น้อย จะดูแลเขาได้อย่างไรเพิ่มเติม แต่ต้องหาเงินก่อน ต้องทยอยดำเนินการ ในห้วงรัฐบาลที่อยู่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ วันนี้มีปัญหาระบบออนไลน์ ที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เกิดประโยชน์​ ในทางหลอกลวง ผมได้สั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าจะมากมายเพียงใดก็ตามก็ต้องดำเนินการ​ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ เกิดความเสียหายอย่างที่ทุกคนก็เห็นอยู่​ เราจะต้องไม่ปล่อยปละละเลย หากเราไม่ช่วยกันก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมโดยใช้ประชาชนมีส่วนร่วม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ​เรามีระบบการกระจายอำนาจอยู่แล้ว​ จะต้องพัฒนาให้มากขึ้น​ เมื่อมีความพร้อม​ งบประมาณพร้อม​ คนพร้อมทุกอย่างเดินหน้าได้หมด ต้องดูบริบทของประเทศไทยด้วยว่าเป็น​อย่างไร​ อยู่ในปัจจุบัน การกระจายอำนาจพร้อมกับการกระจายความรับผิดชอบเพิ่มบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของหลายประเทศบนโลกใบนี้ ซึ่งให้ความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยตัวเลขคาดการณ์คาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะช่วยกันได้อย่างไร​ ทั้งภาครัฐ​ภาคเอกชนและประชาชนจะต้องช่วยกันในการเดินหน้า เพราะเราจะต้องเดินหน้าลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคโควิด-19 ก็ยังมีอยู่และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โลกในปัจจุบัน​ ความผันผวนด้านราคาพลังงาน​ ทั้งน้ำมัน ก๊าซ มีปัญหาทั้งหมด​ มีราคาผันผวน เราต้องเตรียมความพร้อมการกลายพันธุ์ของโรคโควิด- 19 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกข่าวชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในการดูแลควบคุมดำเนินการอยู่ในเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนระมัดระวังให้ได้มากที่สุด

“การใช้จ่ายในปี 2567 ถึงมีบทบาทสำคัญเดินหน้าควบคู่กับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทต่าง ๆ เพื่อบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้​ เรื่องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล​ ยกระดับฝีมือแรงงาน การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการที่ดีต่อเนื่อง การดำเนินเศรษฐกิจชีวภาพ​ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG การจัดสวัสดิการให้กับคนไทยกลุ่มต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ผมใช้คำว่าเหมาะสม ขอให้ดูระเบียบให้ดีด้วยในการจัดสรรงบประมาณในเรื่องเหล่านี้ มี 2 คำ​ ที่ผมใช้อยู่เสมอ​ คือความเท่าเทียม เท่าเทียมในด้านโอกาส เท่าเทียมด้านกฎหมาย ความเป็นธรรมคือผู้มีรายได้น้อยมีความเดือดร้อนก็ย่อมได้รับความดูแล เราต้องทำทั้ง 2 อย่างอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนละเรื่อง เราจะต้องหางบประมาณได้เพียงพอไม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ รัฐบาลมีความท้าทายในการดำเนินการทางการคลังจำเป็นจะต้องดำเนินการไปด้วยความรอบคอบในการรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว การจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายภาครัฐ ต้องสอดคล้องเหมาะสม​ ยั่งยืนสามารถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดภาระการเงินการคลังในระยะยาวขอเน้นความสำคัญที่จะทำอะไรก็ตามต้องไม่สร้างภาระระยะยาว เราทำอย่างระมัดระวังเท่าที่จำเป็น มีขีดความสามารถในการบริหารได้ ขอให้อยู่ในกรอบหลักการดังกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารรายจ่ายงบประมาณประจำอย่างประหยัด​ มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในปัจจุบัน ​นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ในการประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดภาระงบประมาณ​ ขอร้องว่าจะทำอย่างไรให้สามารถลดงบประมาณรายจ่ายประจำลงได้ โครงการแผนงานใดถ้าไม่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือทำไม่ได้ติดขัดขั้นตอน ก็ควรยกเลิก เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในแผนงานโครงการอื่น การเสนอแผนงานโครงการขึ้นมาต้องตรวจสอบความเป็นไปได้ ต้องเข้มงวดเรื่องเหล่านี้ ​ ไม่ใช่อนุมัติไปแล้ว แต่ทำจริงไม่ได้​ จะทำให้เกิดปัญหาตามมา เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมการให้พร้อม เรื่องไหนที่ทำมาแล้วทำไม่ได้​ ทำแล้วไม่ผ่าน ต้องทบทวน

“การมอบนโยบายวันนี้ ถ้าไม่ทำตามนี้​ ก็ไม่มีประโยชน์ จะใช้จ่ายอะไรก็​ทำแผนงานต่าง ๆ​ อะไรก็ได้ ไม่ได้​ อันตราย จากสถานการณ์ทางการเงินก็เริ่มทำแบบนี้ ก็มีปัญหาต่าง ๆ อยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน​ งบประมาณ 2567​  ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไป ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมในรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของผมในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นต้องไม่ทุจริต ถ้ามีก็ต้องถูกลงโทษ ผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ต้นทาง กลางทาง ปลายทางดำเนินการ ผมไม่เข้าร่วมใด ๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันให้มันเรียบร้อยทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก​ ความชิงชังเกิดขึ้น ผมไม่ต้องการแบบนั้น บ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขอโทษคนฟังว่าคำพูดของผมอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement