ปตท.แจ้ง ตลท.กระทบ 6.5 พันล้านบาท อุ้มค่าไฟ ตามมติ ครม.

199

Business Highlight Online : 14 มกราคม 2567 ปตท.แจ้งผลกระทบจากมติคณะรัฐมนตรีเรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้ารวม 6.5 พันล้านบาท เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง หรือยื่นต่ออัยการสูงสุด กรณีเงิน Shortfall 4.3 พันล้านบาท

บมจ.ปตท.แจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 12 ม.ค.67 ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 เรื่องมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ ปตท. ประกอบด้วย (1) การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ (2) การส่งผ่านราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กรณีผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบก๊าซฯ ได้ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขายก๊าซฯ (“Shortfall”) โดยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ตามมาตรการข้างต้นส่งผลให้ต้นทุนของโรงแยกก๊าซฯ เปลี่ยนแปลงจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ย ก๊าซฯ จากทุกแหล่ง ได้แก่ อ่าวไทย พม่า และก๊าซธรรมชาติเหลว (LiquefiedNatural Gas: LNG) (“Pool Gas”) กระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่จะปรับสูงขึ้น ยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง (LPG) ​ในประเทศ มาตรการเหล่านี้ เป็นมาตรการระยะสั้นจนกว่าจะมีการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซฯ อย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (“กกพ.”) แล้วเสร็จ

โดยจากการประมาณการผลกระทบเบื้องต้น ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2567 จะทำให้มีผลต่อการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับตัวลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปตท. ได้วางแผนเพื่อหามาตรการในการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น การปรับแผนการเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซฯ (Optimization) การเสนอแนวทางการจัดหา LNG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกรอบราคาค่าไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐ รวมถึง ปตท. จะหารือกับกระทรวงพลังงานถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ในภาพรวมทุกด้าน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ Shortfall ซึ่ง กกพ. ได้มีคำสั่งว่า ปตท. คำนวณราคา Pool Gas ไม่ถูกต้อง และให้ ปตท. นำผล Shortfall ช่วงเดือนตุลาคม 2563 – ธันวาคม 2565 มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท มาคำนวณในราคา Pool Gas นั้น ปตท. เชื่อว่า ปตท. ได้คำนวณราคา Pool Gas ถูกต้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (“กพช.”) และประกาศ กกพ. ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ถูกต้องตามสัญญาซื้อขายก๊าซฯ มาโดยตลอด ปตท. จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อ กกพ. ต่อมาปรากฏว่า กกพ. ได้มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของ ปตท. โดยให้ปตท. ปฏิบัติตามคำสั่งทันทีและหาก ปตท. ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ กกพ. ทาง ปตท. มีสิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หรือยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี พ.ศ. 2561 ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ กกพ.และคณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมนัดพิเศษ คร้ังที่1/2567 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 จึงได้มีมติอนุมัติให้ ปตท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ กกพ. โดย ปตท. จะพิจารณาแนวทางดำเนินการหรือการใช้สิทธิตามกฎหมายที่จำเป็นและสมควรต่อไป