เผยข้อสั่งการนายกฯ ในที่ประชุม ครม. 4 มิ.ย. สั่ง ก.คลังศึกษาสถานบันเทิงครบวงจรโดยละเอียด และยกร่าง กม.

101

Business Highlight Online : 4 มิถุนายน 2567 โฆษกรัฐบาลเผยข้อสั่งการนายกฯ ในที่ประชุม ครม. วันที่ 4 มิถุนายน 2567

วันนี้ (4 มิถุนายน 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งข้อสั่งการ/นโยบายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (4 มิถุนายน 2567) ดังนี้

นายกฯ ได้ติดตามการดำเนินการเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร โดยสั่งการให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้โดยละเอียด และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) เร่งดำเนินการ เพื่อให้มีแนวทางในการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณายกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … โดยนำร่าง พ.ร.บ. ฉบับกรรมาธิการมาพิจารณาประกอบกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติ ครม. (9 เมษายน 2567) พร้อมจำทำแผนการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอให้ ครม. พิจารณาในโอกาสต่อไป โดยให้เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอ กม. ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานในต่างประเทศ เกี่ยวกับการจัดงานนิทรรศการเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือระหว่างกัน และขอให้รายงานผลการดำเนินการต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร) เพื่อมานำเสนอต่อ ครม. หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายกฯ สั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิชัย ชุณหวชิร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาแรงงาน เนื่องจากผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตเท่าที่ควร จึงเกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจ รวมถึงโรงงานทั่วประเทศที่จะต้องมีการปิดตัวลง หรือเลิกจ้างงาน โดยให้หามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน รวมถึงมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานอย่างเหมาะสม และให้นำมารายงานต่อ ครม. ในครั้งต่อไป

นายกฯ ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้กับทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่ดิน ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของที่ดิน ช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความยากจน และสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งยังจะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บกักคาร์บอน และลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนลดการเกิดภัยแล้ง ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก โดยปีนี้กำหนดหัวข้อ (theme) ในการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่อง Land Restoration, Desertification and Drought resilience โดยมุ่งเน้นในเรื่องการฟื้นฟูที่ดิน การแปรสภาพเป็นทะเลทราย และการฟื้นตัวจากภัยแล้ง

Advertisment