Business Highlight Online : 3 ตุลาคม 2567 ตลาดหลักทรัพย์ฯ – นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนที่ 14 ประกาศพัฒนาตลาดทุน เพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม เล็งดันไทยเป็น Listing Hub ของภูมิภาค
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Meet the press ของนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนที่ 14 โดยก่อนการพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเองในครั้งแรก หลังการเข้ารับตำแหน่ง นายอัสสเดช ได้ชวนสื่อมวลชนยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน
นายอัสสเดช เผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนการดำเนินงาน เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยคาดว่าจะเปิดเผยได้ภายในงเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่สิ่งที่นำมาพูดคุยกับสื่อมวลชนในวันนี้มาจากมุมมองส่วนตัว พร้อมเผยหัวใจและหลักในการบริหารจัดการตลาดทุนของตนเอง คือ การทำเพื่อส่วนรวมและความเท่าเทียม ซึ่งไม่ใช่เพียงความเท่าเทียมระหว่างนักลงทุนเท่านั้น แต่หมายถึงทุกกลุ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป ประกอบด้วย
-Fairness สมดุลเท่าเทียม
-Inclusiveness เข้าถึง ทั่วถึง
-Re-imagine ตอบโจทย์อนาคตแข่งขันได้
-Sustainability รับโอกาสและความท้าทายจากกระแสความยั่งยืน และ Trust & Confidence เสริมความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย
นายอัสสเดช กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยลดลง ดังนั้นหน้าที่ของตนคือ การฟื้นความเชื่อมั่นอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความไม่เชื่อมั่นหรือลดความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนจะต้องมีการดำเนินการที่รวดเร็วและรัดกุม ยกตัวอย่างเช่น การแก้ไขปัญหามิจฉาชีพหลอกลงทุน จนมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน จะต้องสานต่อความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรสื่อสารให้เร็วขึ้น และควรฝังความคิดง่ายๆ ให้คนทั่วไปอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน คิดนิดหนึ่ง ไม่ใช่เพียงยกระดับบริษัทจดทะเบียนเท่านั้น” กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าว
ปัจจุบันมี บจ.จดทะเบียนกว่า 800 บริษัท แต่มีบริษัทจำนวนมากที่ไม่ขยับ ดังนั้นจึงต้องคิดหาแนวทางจะทำอย่างไรไม่ให้เขาเป็น dead boot ในตลาด ซึ่งหลายโปรแกรมในต่างประเทศสามารถเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ตนเองก็ได้เตรีย เสนอบอร์ดเช่นกัน โดยบทบาทที่ ตลท.จะทำคือการจูงใจให้ บจ.เพิ่มมูลค่า โดยการชักจูงส่งเสริมให้เขาคิดนอกกรอบ เพื่อสร้างมูลค่า
นายอัสสเดช เผยด้วยว่า ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างพูดคุยกับทีมงานเพื่อจัดทำแผนให้ ตลท. สามารถเป็น “Listing Hub” หรือศูนย์รวมในการระดมทุนของบริษัทในภูมิภาค ทั้งนี้ต้องประเมินว่าอุตสาหกรรมใดบ้าง ที่เรามีความสามารถหรือศักยภาพเหนือกว่าตลาดหลักทรัพย์อื่น และจะทำอย่างไรให้บริษัทต่างชาติที่กำลังเติบโต และต้องการระดมทุนนึกถึงตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะต้องมีความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐอื่นๆ ในการสนับสนุนภาพใหญ่ให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้ พร้อมกันนี้ยังมีแนวคิดผลักดันให้ ตลท. มีโปรแกรมที่สามารถสนับสนุนและจูงใจ ให้บริษัทจดทะเบียนไทยมีแผนในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเอง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) จากการทำให้ Balance Sheet ของบริษัทมีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมถึงมีแนวคิดเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างศึกษาการทำออฟชั่นของทองคำ ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนมีแนวโน้มให้ความสนใจค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยกำลังฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี หากดูจากการเติบโตของ จีดีพี ตั้งแต่ต้นไตรมาสที่1 ถึงปัจจุบันมีทิศทางที่ดี ขณะที่รัฐบาลก็มีความเสถียรภาพ และได้ออกมาตรการหลายอย่าง ที่สนับสนุนตลาดทุนไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG และกองทุนรวมวายุภักษ์ เพราะฉะนั้น โดยภาพรวมยังมีมุมมองในเชิงบวกกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามอยากฝากนักลงทุนให้มองว่าตลาดทุนเป็นของเราทุกคน ตนพร้อมรับฟังความคิดเห็นและเชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจดีที่จะพัฒนาตลาดทุนให้ไปในทางที่ดี
Advertisement