26 ตุลาคม 2568 “ศุภจี” และ “สีหศักดิ์” ประชุมร่วม “รมต.เศรษฐกิจ-ต่างประเทศอาเซียน” ครั้งแรก ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ วางยุทธศาสตร์รับมือความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ เสริมบทบาทภูมิภาคบนเวทีโลก เชื่อมโยงสองเสาหลักอาเซียนด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อขับเคลื่อนการค้าเสรีอย่างยั่งยืน
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Foreign and Economic Ministers’ Meeting) ร่วมกับนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อกำหนดบทบาทและทิศทางของอาเซียนในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงให้สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นางศุภจี กล่าวว่า การประชุมร่วมระหว่างเสาเศรษฐกิจและเสาการเมืองความมั่นคงในครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญความผันผวนจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ การหารือร่วมกันจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการบูรณาการทั้งสองเสาหลัก เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การรวมกลุ่มของอาเซียนอย่างมีเอกภาพและยืดหยุ่น
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ท่ามกลางแรงกดดันจากสถานการณ์โลก ถือเป็น “โอกาสของอาเซียน” ที่จะร่วมกันออกแบบระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่เปิดกว้าง ครอบคลุมทุกภาคส่วน และพร้อมปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไทยได้ย้ำความสำคัญของการเชื่อมโยงภายในภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับในส่วนของเสาเศรษฐกิจ อาเซียนได้อัปเกรดความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (ATIGA Upgrade) และเร่งเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน หรือ DEFA เพื่อสร้างระบบนิเวศรองรับการค้าดิจิทัล อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SME พร้อมทั้งเดินหน้ายกระดับความตกลงการค้าเสรีกับคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน และอินเดีย
นอกจากนี้การประชุมสุดยอดผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP Summit) ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) จะเป็นอีกโอกาสสำคัญในการตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการค้าเสรีและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการเสริมสร้าง “ภูมิภาคนิยม” ให้เป็นรากฐานของระบบพหุภาคีที่ยึดมั่นในกติกา
นางศุภจี กล่าวทิ้งท้ายว่า การกำหนดทิศทางด้านการค้าของภูมิภาค จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลโดยตรงจากนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ พร้อมเสนอให้รัฐบาลในภูมิภาคเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อร่วมกันปรับนโยบายให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจจริง และขับเคลื่อนอาเซียนให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
Advertisement
































