Business Highlight Online : 20 มกราคม 2568 เอกชนชี้ “ทรัมป์ 2.0“ เขย่าโลก กังวลกำแพงภาษีส่งสินค้าจีนทะลักไทยพุ่ง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ประเมินสถานการณ์หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า ประเทศไทยและทั่วโลกจะต้องเผชิญความเสี่ยง 3 ด้านหลัก ได้แก่
1.นโยบายกำแพงภาษีกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ อย่างน้อย 10-20% เพื่อกดดันให้ค่าเงินประเทศเหล่านั้นแข็งค่า ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเกินดุลการค้าลำดับ 12 ขณะที่จีนจะถูกตั้งกำแพงภาษี 60-100% รวมถึงมาตรการกีดกันการค้าทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี หรือ (Non-Tariff Barriers: NTB) รวมถึงการสั่งปราบปรามผู้ลักลอบเข้าประเทศ โดยประกาศเก็บภาษีเพิ่มอีก 25% จากประเทศเม็กซิโก แคนาดา และแถบประเทศละติน หากไม่สามารถจัดการปัญหาลักลอบเข้าประเทศได้
2.“ทรัมป์ 2.0” จะเปลี่ยนระบบการค้าจากระบบ“พหุพาคี” เป็น “ทวิภาคี” เน้นการเจรจากับประเทศที่มีผลประโยชน์ ซึ่งภาคเอกชนและรัฐบาลไทยจะต้องร่วมมือกันเตรียม ล็อบบี้ ยิสต์ กับสหรัฐฯ
3.ไทยจะต้องเผชิญความเสี่ยง ปัญหาสินค้าจีนล้นทะลัก ผ่านกลยุทธ์ “ต้นทุนต่ำ” (Cost Leadership) เนื่องจากไม่สามารถส่งสินค้าไปขายสหรัฐได้ จึงต้องหันมาทุ่มตลาดแถบตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ยังมองว่าปี 2568 มีโอกาสเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อรอประเมินความเสี่ยง อีกทั้งคาดกว่าปี 2568 World Bank และ IMF ปรับสมติฐานคาดการณ์ GDP โลกปี 2568 ลดลง 0.3% เหลือขยายตัว 2.4%
Advertisement