ประยุทธ์ ชี้แจงสภาการกลับมาเชื่อมสัมพันธ์กับซาอุฯ เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐบาลไทย

248

business highlight online : ประยุทธ์ ชี้การกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย เป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐบาลไทย สร้างโอกาสให้ไทยในหลายด้าน

19 ก.พ.65 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (18 ก.พ. 65) ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลดีการเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่า นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของรัฐบาลไทยซึ่งสร้างโอกาสให้แก่ไทยในหลายด้าน ได้แก่

1.ด้านแรงงานจากนโยบาย Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียที่มุ่งขยายการลงทุนในหลายภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้มีความต้องการแรงงานเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมาก จึงเพิ่มช่องทางให้แก่แรงงานไทยซึ่งจัดว่าเป็นแรงงานคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในซาอุดีอาระเบียได้มากกว่าแสนคนในอนาคต

2.ด้านการท่องเที่ยว การกระชับความสัมพันธ์และยกเลิกวีซ่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาหลังจากนี้อีกมากกว่า 150,000 คน ซึ่งจะช่วยผลักดันเม็ดเงินเข้ามาในประเทศได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Health Tourism ที่ “นักท่องเที่ยวระดับพรีเมียม” นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย

3.ด้านการค้าและการลงทุน การร่วมวิจัยและลงทุน ทั้งในรูปแบบพลังงานดั้งเดิม พลังงานสะอาด และพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ชาติของทั้งสองประเทศ โดยซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศผู้ค้าและมีแหล่งสำรองน้ำมันเป็นอันดับต้นๆของโลก และมีวิทยาการด้านพลังงานที่ทันสมัย ส่วนไทยก็มีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่พร้อมรองรับการวิจัย พัฒนา และการลงทุนแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย BCG Economy ของไทย ซึ่งสอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ ยังอาจมีการขยับขยายข้อตกลงเพิ่มเติมในด้านน้ำมันดิบ ซึ่งการผูกมิตรกับซาอุดีอาระเบียที่ถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาจมีหนทางช่วยบรรเทาปัญหาราคาน้ำมันได้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง และช่วยลดผลกระทบด้านราคาพลังงานที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ และการกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะส่งผลให้ธุรกิจหลายประเภทในไทยมีโอกาสขยับขยายตลาดไปหาผู้บริโภคใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหาร สินค้าเกษตร เครื่องประดับ ไปจนถึงสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งอาจช่วยเพิ่มปริมาณการค้าของไทยกับซาอุดีอาระเบียจากเดิม 4.5 หมื่นล้านบาทให้ไปถึง 1.5 แสนล้านบาท เหมือนก่อนปี 2532

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวาง Roadmap เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในด้านต่าง ๆ โดยล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการสนับสนุนการส่งออกสินค้าจากไทยไปยังซาอุดีอาระเบีย ในส่วนของภาคแรงงานซึ่งเป็นที่ต้องการของซาอุดีอาระเบียจำนวนมาก กระทรวงแรงงานได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานแรงงานซาอุดีอาระเบียในการรวบรวมข้อมูลความต้องการแรงงานประเภทต่าง ๆ ของตลาดแรงงานซาอุดีอาระเบียเพื่อเตรียมความพร้อมแรงงานไทยในการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มทักษะ upskill and reskill ให้สอดคล้องกับความต้องการของซาอุดีอาระเบีย โดยเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะมีการลงนามระหว่าง รมว. แรงงาน และ รมว. กระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งซาอุดีอาระเบียต่อไป

Advertising