business highlight online : 27 พฤศจิกายน 2565 ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สรุปประเด็นผลประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 เพื่อจัดทำสมุดปกขาวเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยทุกด้านต่อรัฐบาล โดยเฉพาะแนวทางยกระดับความสามารถแข่งขันไทย มุ่งพัฒนา SMEs ขยายโอกาสจากเอเปค พร้อมดึงดูดลงทุนจากต่างชาติ แม้ปีหน้ายังเจออุปสรรคหลายด้าน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานีและเครือข่าย จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ภายใต้หัวข้อ “Connect the dots : Enhancing Thailand Competitiveness” โดยวาระเร่งด่วนที่ตั้งเป้าหมายร่วมกับภาครัฐและเอกชน คือ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่จะต้องได้รับการสนับสนุนให้เกิดการปรับตัว ด้วยการนำเอา Digital Transformation มาใช้ดำเนินธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพ และไม่ใช่แค่ทางเลือก หรือทางรอด แต่คือทางหลักสู่ความสำเร็จของ SME ไทย ท่ามกลางปัญหาวิกฤติซ้อนวิกฤติ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ มีภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศเข้าร่วม กว่า 1,200 คน และเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับหลายปัจจัยที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่รวดเร็วเท่าที่ควร โดยนอกจากผลกระทบของโควิด-19 แล้ว ยังมีสถานการณ์ที่ส่งผลซ้ำซ้อนอีก 4 ด้าน ได้แก่ 1) วิกฤติด้านพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 2) การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต และการขาดแคลนวัตถุดิบด้านการเกษตร 3) วิกฤติการเงินภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs และ 4) วิกฤติโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการลดลงของอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทย ที่ลดลงถึง 5 อันดับจากปี 2564 ดังนั้น ทางออกที่จะช่วยให้ประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งได้ คือ การหาแนวทางเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในแต่ละมิติ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจ ผ่านกลไกการเชื่อมโยงและบูรณาการระหว่างเครือข่ายทุกภาคส่วน
ขณะที่ หอการค้าจังหวัดได้นำเสนอโครงการที่สำคัญเร่งด่วน (Flagship Projects) ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคหลายโครงการ ทั้งในด้านการเกษตร การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยได้รวบรวมแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าวอยู่ในสมุดปกขาว เพื่อมอบให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้นำไปพิจารณาต่อไป พร้อมกันนี้ หอการค้าไทยยังได้สรุปแนวทางการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ประกอบด้วย คือ
Connect เชื่อมโยงความร่วมมือเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยหอการค้าไทยตั้งเป้าหมายระดมสมาชิกเพิ่มจาก 1 แสนราย เป็น 2 แสนราย ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งของ SME ไทยตลอดจนขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค 5 ภาค จากการระดมความเห็นของสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศตลอดทั้งปี
Competitive ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในทุกมิติ โดยสนับสนุนภาครัฐ ขับเคลื่อน FTAAP และเร่งขยาย FTA กับนานาชาติ ต่อยอดความเชื่อมั่นจากการเป็นเจ้าภาพ APEC ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ EEC ที่มีความพร้อมในการรองรับการลงทุนตรงจากทั่วโลกได้อย่างทันที โดยหอการค้าไทยมีแผนดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากประเทศยุทธศาสตร์เป้าหมาย ที่ประกอบด้วย จีน ซาอุดีอาระเบีย เวียดนาม และอินเดีย รวมถึงรักษากลุ่มนักลงทุนเดิม เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยหอการค้าไทยจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ BOI ยกระดับ Ease of Investment พร้อมร่วมมือกับ กพร. ปรับปรุง Ease of Doing Business ปรับปรุงขั้นตอนการติดต่อราชการให้รวดเร็ว ลดการเซ็นเอกสาร สนับสนุนให้เกิด e-Government อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องเร่งแก้ไข และปรับปรุงกฎระเบียบ ให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทุกภาคส่วน นอกจากนี้ หอการค้าไทยได้ผนึกกำลังกับ กกร. และ TMA สร้าง Pilot Project โดยใช้สถาบันเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมขับเคลื่อนและติดตามอย่างใกล้ชิดขณะที่ ภาคการท่องเที่ยว หอการค้าฯ ร่วมกับ ททท. ดำเนินแนวทาง Trade & Travel ยกระดับการสร้าง Soft Power ในแต่ละจังหวัด พร้อมยกระดับการท่องเที่ยวเมืองรอง ด้วย Happy Model
Sustainable สร้างอนาคตที่ยั่งยืน เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ หอการค้าไทยและเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมผลักดัน Bangkok Goals (เป้าหมายกรุงเทพฯ) ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG โดยจะนำเอาแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคภาคเอกชน ระยะ 5 ปี เป็นแนวทางขยายผล BCG Model เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ นอกจากนั้น จะใช้กลไกสถาบันวิทยาการเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อผู้ประกอบการและผู้บริโภค ที่จัดตั้งขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นสถาบันทางวิชาการ สร้างความรู้ ความเข้าใจ และร่วมกับหอการค้าทุกจังหวัด ขับเคลื่อน BCG ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2566 ซึ่งถือเป็นปีที่สำคัญของหอการค้าไทย ก่อตั้งครบ 90 ปีนั้น จะนำแนวทาง Connect Competitive และ Sustainable เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเปราะบาง แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะมีโอกาสเติบโตได้ โดยหอการค้าไทยคาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ 3.5-4 % และภาคการส่งออกจะเติบโตได้ 3-5 % และจะนำข้อเสนอแนะทั้งหมดที่ได้จากการจัดสัมมนาครั้งนี้ จัดทำเป็นสมุดปกขาวเพื่อนำเสนอให้กับฝ่ายรัฐบาล นำโดย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้มารับสมุดปกขาวไปเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลได้พิจารณา และในปีหน้า 66 หอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ได้ส่งมอบธง เพื่อส่งต่อการจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ในครั้งที่ 41 ให้กับ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในโอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับฟังรายงานผลสรุปผลการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 และเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี รับมอบสมุดปกขาว จากนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ยังได้ปาฐกถาพิเศษ “ร่วมแรง ร่วมใจ ยกระดับไทย สู่ความยั่งยืน” เชื่อว่าข้อแนะนำของภาคเอกชน ที่จัดทำเป็นสมุดปกขาว จะเป็นหนึ่งในทางออกของประเทศ เพราะขณะนี้ประเทศไทย ในสายตาต่างชาติ หลังการประชุมเอเปคนั้น ถือว่ามีศักยภาพดึงดูดการลงทุน ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และนโยบาย BCG จะเป็นโอกาสขยายใหญ่ของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพของเอกชน เร่งยกระดับสินค้า เพื่อไม่ให้กีดกันจากข้อตกลงภายใต้สนธิสัญญาต่างๆ ขณะที่ รัฐบาล ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอไว้แล้วทั้งเส้นทางคมนาคม และโครงข่ายอินเตอร์เน็ต รวมทั้งเตรียมพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกระจายอยู่ทุกภูมิภาค ภายใน 90 วันจากนี้จะมีการศึกษาที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ให้เศรษฐกิจกระจุกตัวผูกติดเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแรงพอ และดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ อาทิ พลังงานสะอาด ไปสู่ระดับพื้นที่ ซึ่งไทย จะสร้างความได้เปรียบกลับมาอีกครั้ง
Advertisement