บางจาก ชี้ ซื้อเอสโซ่ ดีต่อประเทศ มั่นคง-ผู้บริโภคได้ประโยชน์

145

business highlight online : 12 มกราคม 2566 บางจากย้ำซื้อเอสโซ่ดีต่อประเทศ มั่นคง ผู้บริโภคได้ประโยชน์ และราคาสมเหตุสมผล ในขณะที่ปั๊มเอสโซ่ลาเมืองไทย จะเปลี่ยนเป็นบางจากทั้งหมดภายใน 2 ปี หลังจบดีล

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. หรือ เอ็กซอนโมบิล ว่า บางจากจะมีการเจรจาในเรื่องของราคาขั้นสุดท้ายอีกครั้ง แต่ขอให้มั่นใจว่าการซื้อหุ้นเอสโซ่ เบื้องต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และมีรายได้ต่างๆ เพิ่มขึ้นระดับ 1,500-2,000 ล้านบาทต่อปี

โดยจากการประเมินมูลค่าในปัจจุบัน รวมถึงการทำคำเสนอซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (tender offer) คาดว่าจะใช้วงเงินซื้อหุ้นราว 30,000 ล้านบาท หากรวมกับมูลหนี้อีก 37,000 ล้านบาท จะใช้เงินราวกว่า 60,000 ล้านบาท โดยบางจากไม่ต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด ส่วนที่มาของเงินจะมาจากทั้งส่วนกระแสเงินสดของบริษัทและเงินกู้ที่ได้เจรจากับสถาบันการเงินรายใหญ่ของประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปนี้ ทางเอ็กซอนโมบิลจะต้องเจรจาขออนุญาตจากภาครัฐในการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น และขั้นตอนอื่นๆ ตามข้อตกลงของภาครัฐ และบางจากจะนัดประชุมและขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.นี้ คาดว่าขั้นตอนต่างๆ หากเสร็จอย่างรวดเร็วจะเป็นเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ และอย่างช้าเป็นเดือนพฤศจิกายนนี้

สำหรับส่วนหนึ่งของสัญญาที่ตกลงกับเอ็กซอนโมบิลจะยังคงเก็บแบรนด์ไว้ เช่น น้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์ต่างๆ ส่วนบางจากจะได้สินทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่ โดยในส่วนของสถานีบริการน้ำมันกว่า 700 สถานี จะแปลงเป็นชื่อสถานีบริการน้ำมันบางจากทั้งหมดภายใน 2 ปี ซึ่งในส่วนของผู้ถือบัตรสมาชิกเอสโซ่ยังคงได้สิทธิเช่นเดิม และจะเปลี่ยนเป็นบัตรบางจากในอนาคต เมื่อรวมกันแล้วฐานสมาชิกบางจากจะมีกว่า 10 ล้านราย

“ดีลนี้เป็นราคาที่สมเหตุสมผล ดี 3 ด้าน คือ ดีต่อประเทศ จากที่ได้โครงสร้างพื้นฐานมาอยู่ในมือคนไทย เพิ่มความมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับประเทศ, ดีต่อผู้บริโภค แม้ในอนาคตเทรนด์ของอีวีจะมา แต่รถส่วนใหญ่ของประเทศกว่าร้อยละ 90 ยังเป็นรถน้ำมัน การซื้อเอสโซ่จะช่วยตอบโจทย์ความมั่นคงด้านพลังงาน ตอบโจทย์ความยั่งยืนของประเทศ และยังช่วยในแง่ราคาที่ช่วยผู้บริโภค เพราะจะเห็นได้ว่าบางจากได้เป็นกลไกที่ดูแลผู้บริโภคมาโดยตลอด นับได้ว่าดีลนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืน และเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น เชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจาก และประเทศไทย” นายชัยวัฒน์ กล่าว

สำหรับสินทรัพย์ของเอสโซ่ที่เกี่ยวข้องหลักๆ คือ โรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง จะทำให้บางจากมีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง มูลค่าปั๊มราว 15,000 ล้านบาท สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น โดยสำรองน้ำมันดิบของเอสโซ่จะมีราว 7.4 ล้านบาร์เรล หากคิดที่ราคาน้ำมันดิบ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ค่าเงินบาท 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าราว 21,500 ล้านบาท เอสโซ่ยังมีอะโรเมติกส์ พาราไซลีน 500,000 ตันต่อวัน มีท่อน้ำมัน มีที่ดิน 800 ไร่ ซึ่งเฉพาะที่ดินจะมีมูลค่าราว 12,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์ในเรื่องของเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง และการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุม และนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน

นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน BCP กล่าวว่า การซื้อหุ้นดังกล่าวจะส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.7 เท่า จากเดิม 0.6 เท่า มองว่าไม่ได้สูงเกินไป เนื่องจากยังไม่เกิน 2 เท่า

Advertisement