สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนเพิ่มขึ้น 31.5% เข้าเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

191

business highlight online : 9 กุมภาพันธ์ 2566 FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 6 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 160.07 เพิ่มขึ้น 31.5% เข้าสู่เกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” จากปัจจัยหนุน ทั้งท่องเที่ยว-เงินทุนไหลเข้า – เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ก.พ.- เม.ย.66) อยู่ที่ระดับ 160.07 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.5% จากเดือนก่อนหน้าเข้าสู่เกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” นักลงทุนมองว่าการฟื้นต้วของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือเงินทุนไหลเข้าและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประกาศจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) มากที่สุด รองลงมาคือหมวดพาณิชย์ (COMM) และหมวดธนาคาร (BANK) ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ (PAPER) ไม่น่าสนใจมากที่สุด รองลงมาคือหมวดเหมืองแร่ (MINE) และหมวดบริการเฉพาะกิจ (PROF)

ดัชนีความเชื่อมั่นรายกลุ่มนักลงทุนสารวจเดือน ม.ค.2566 พบว่าความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลและกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับขึ้นอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”

ผลสำรวจ ณ เดือน ม.ค. 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ ม 29.8% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 60.4% อยู่ที่ระดับ 137.50 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 42.1% อยู่ที่ระดับ 150.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 28.0% อยู่ที่ระดับ 160.00

ในช่วงเดือน ม.ค.2566 SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,663.86—1,691.41 โดยมีปัจจัยหนุนภายนอกจากแนวโน้มการชะลอตัวในการขึ้น ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศเศรษฐกิจสำคัญ และการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้นักลงทุนคลายกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่วนปัจจัยในประเทศ แม้ได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว แต่นักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อมากว่า 1 ปี ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4/2565 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และความกังวลต่อการประกาศจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย SET Index ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2566 ปิดที่ 1,671.46 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในเดือน ม.ค.2566 กว่า 18,997 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นเนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของ FED จึงไม่น่ามีการลดดอกเบี้ยในปี 2566 แนวโน้มการเลิกจ้างงานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ส่วนปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้าที่อาจจะชะลอลงตาม อุปสงค์ประเทศคู่ค้าสา คัญ โอกาสในการเป็นฐานการผลิตหลังหลายประเทศเริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีน รวมถึงจับตามองการนับถอยหลังสู่การยุบสภาและผลการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งจะสะท้อนทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2566

Advertisement