business highlight online : 26 กุมภาพันธ์ 2566 สมาคมประกันชีวิตไทย ประเมินธุรกิจประกันชีวิตปี 2566 ยังโตต่อเนื่องที่ 0-2% โดยเฉพาะประกันสุขภาพ-โรคร้ายแรง และประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) จับตาเศรษฐกิจโลกผันผวนและอัตราดอกเบี้ย (Yield Curve)
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย พร้อมคณะกรรมการสมาคมฯ ร่วมแถลงแผนดำเนินงานปี 2566 คาดการณ์ว่า ธุรกิจประกันชีวิตจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 612,500-623,500 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตระหว่าง 0-2% มีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 81-82% สอดคล้องกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่คาดการณ์ GDP ของประเทศที่มีการขยายตัว 2.7-3.7% โดยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่จะได้รับความนิยมและมีศักยภาพในการเติบโตสูง คือ ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง (Health & CI) เนื่องจากมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีการบริการหลังการขายที่ครบวงจร (ทั้งระบบ online และ offline) เช่น telemedicine บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน (SOS) ฯลฯ โดยได้เชื่อมต่อกับระบบของโรงพยาบาล ทำให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกความต้องการและทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Universal Life และ Unit Linked) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่พอรับได้ รวมถึงได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิตรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย (Yield Curve) แต่ที่ผ่านมาภาคธุรกิจได้เตรียมพร้อมปรับพอร์ตการลงทุนและ Product mix และทิศทางกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทประกันชีวิตที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์อย่างทันท่วงที รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรฐานกฎหมายสากล เช่น มาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น สมาคมประกันชีวิตไทยจึงมีแผนดำเนินงานเตรียมรับมือ เช่น ส่งเสริมให้มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบใหม่ ผลักดันกระบวนการให้ความเห็นชอบผลิตภัณฑ์แบบอัตโนมัติ รวมถึงการผ่อนคลายการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม สนับสนุนการพัฒนากระบวนการขายให้ครบถ้วนทุกช่องทาง สนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างครอบคลุม เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยบริหารต้นทุนในระยะยาว อีกทั้งการสร้างองค์ความรู้ให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี เพื่อป้องกันภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงขอปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เป็นปัจจุบัน ผลักดันระบบการจัดสอบความรู้ ระบบออกใบอนุญาตในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิต ปี 2565 ที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 611,374 ล้านบาท เติบโตลดลง 0.45% เมื่อเทียบกับปี 2564 สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย 1) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 105,192 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.42% และ 2) เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว 64,686 ล้านบาท เติบโตลดลง 14.27% โดยขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตมากที่สุด มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 325,227 ล้านบาท คิดเป็น 53.20% ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยม คือ สัญญาเพิ่มเติม (Riders) โดยเฉพาะความคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 103,635 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 7.85% หรือคิดเป็นสัดส่วน 16.95% มาจากการที่ประชาชนตระหนักถึงการดูแลและวางแผนเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทั้งยังสามารถเปรียบเทียบข้อมูลและเลือกแบบประกันได้ตรงตามความต้องการด้วยความสะดวกรวดเร็ว และผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension) สามารถเติบโตได้ดีด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 15,741 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 9.72% หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.57%
Advertisement