นายกฯชวนคนไทยส่งแรงเชียร์ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ Expo 2028

196

business highlight online : 9 มิถุนายน 2566 นายกฯ เชิญชวนคนไทยแสดงพลังส่งแรงเชียร์ให้ภูเก็ตได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 รู้ผล 21 มิ.ย.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ของประเทศไทย โดยจะมี จ.ภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคมและประชาชนได้ร่วมกันเตรียมการมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันที่ 21 มิ.ย.นี้ คณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปนำเสนอความพร้อมของประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้าย ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (BIE) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากที่ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอมาแล้ว 2 ครั้ง และในวันเดียวกันภายหลังการนำเสนอความพร้อมแล้ว ประเทศสมาชิก BIE 124 ประเทศ จากทั้งหมด 171 ประเทศ จะโหวตเลือกเมืองที่จะได้เป็นเจ้าภาพ ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้วมีเมืองจากอีก 4 ประเทศที่ร่วมเสนอตัวเพื่อแข่งขันในครั้งนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา เซอร์เบียและสเปน

“หากในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ไทยชนะโหวต จะเป็นครั้งแรกของการได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo ของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้คนไทยทุกภาคส่วนร่วมสนับสนุน ส่งแรงเชียร์ให้ประเทศไทยชนะการแข่งขัน ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานตลอดจนภาคเอกชน ประชาสังคมที่ร่วมกันทำงานเตรียมการมาตลอดปีที่ผ่านมาและจะนำเสนอความพร้อมประเทศไทยเป็นนัดสุดท้ายในปลายเดือนนี้ โดยร่วมส่งแรงเชียร์ แสดงออกถึงการสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ผ่านลิงก์ https://support.expo2028thailand.com และสามารถแชร์การสนับสนุนดังกล่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนบุคคลได้ด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 20 มี.ค. – 17 มิ.ย. 71 บนพื้นที่ 141 ไร่ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยทีเส็บได้ประเมินถึงประโยชน์ให้กับประเทศไทย อาทิ มีเม็ดเงินทางเศรษฐกิจในประเทศจากผู้เข้าร่วมงานทั้งไทยและต่างชาติ 4.92 ล้านคน มีเงินสะพัดกว่า 49,231 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มต่อ 39,357 ล้านบาท มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานมากกว่า 113,439 ตำแหน่ง

“นอกจากจะสนับสนุนการพัฒนาเมืองของภูเก็ตและจังหวัดในกลุ่มอันดามันคลัสเตอร์ ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี  สนับสนุนการเป็นจุดหมายปลายทางด้านศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติของประเทศไทย มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่หลังจากการจัดงานให้เป็นศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร ศูนย์อภิบาลผู้สูงอายุนานาชาติ ศูนย์ใจรักษ์ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร ก่อให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพครบวงจร” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertisement