business highlight online : 21 มิถุนายน 2566 ราคาหุ้น STARK เหลือ 1 สตางค์ระหว่างซื้อขาย วอนผู้เสียหายร่วมฟ้องหมู่ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ลงทะเบียน 19-25 มิ.ย.
ราคาหุ้น บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ปิดวันนี้ (21 มิ.ย.66) อยู่ที่ระดับ 0.03 บาท จากราคาต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 0.01 บาท ถือเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำสุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากที่ราคาหุ้น STARK เคยมีมูลค่าสูงสุดที่ระดับ 5.50 บาท (ช่วง ต.ค.64) โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ขณะนั้นอยู่ที่ 73,735 ล้านบาท ก่อนที่มูลค่าบริษัทฯ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 56,436.36 ล้านบาท (ราคาปิด 30 ธ.ค.64 ที่หุ้นละ 4.74 บาท) และสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 33,516.40 ล้านบาท (ราคาปิด 30 ธ.ค.65 หุ้นละ 2.50 บาท)
นายณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน ต้นธารคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในขณะนี้มีผู้เสียหายรวม 11,000 ราย เข้ามาร้องเรียน และได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยดำเนินการช่วยเหลือ โดยสมาคมฯ ออกประกาศลงทะเบียนสำหรับนักลงทุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนในหุ้น STARK เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2566 ให้กรอกแบบฟอร์มข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยขอให้กรอกตามลิงก์ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย พบว่า ถึงวานนี้ (20 มิ.ย.) มีผู้เสียหายมาลงทะเบียน จำนวน 661 รายเท่านั้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1,200 ล้านบาท ซึ่งทางสมาคมฯ ขอเชิญชวนผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์หุ้น STARK มาลงทะเบียนรวบรวมหลักฐาน เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือทางสมาคมฯได้ร่วมมือกับ “สภาทนายความแห่งประเทศไทย” ได้รวมตัวกันเพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่นักลงทุน และเอาตัวคนผิดมาลงโทษ รวมทั้งเพื่อกระตุ้นให้องค์กรที่กำกับดูแลและตลาดหลักทรัพย์ฯหาแนวทางป้องกันและกำหนดมาตรการดูแลบริษัทในตลาดหุ้นให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้
“หุ้น STARK เคยมีมูลค่าสูงสุดตามราคาตลาด ตอนราคา 5.50 บาท อยู่ที่ 73,733 ล้านบาท ล่าสุดถึงวันนี้ (21 มิ.ย.) ราคาหุ้นลงมาต่ำสุดที่ 0.01 บาท มูลค่าตลาดเหลือเพียง 135 ล้านบาท เท่ากับเงินละลายไปกับหุ้นตัวนี้มากถึง 73,598 ล้านบาท ผู้ลงทุนหุ้นสามัญกับหุ้นตัวนี้เป็นผู้แบกรับความเสียหาย แทบจะกลายเป็นศูนย์ เมื่อเทียบกับเจ้าหนี้มีหลักประกัน เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้หุ้นกู้ ที่ยังอาจพอมีหวังได้รับเฉลี่ยหนี้คืนบ้าง แต่กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็มีคำเตือนกันไว้แล้วว่า “การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง” แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเป็นความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการลงทุนตามปกติธุรกิจ แต่กรณี STARK เกิดจากการกระทำอันไม่สุจริตของผู้เกี่ยวข้อง ทางผู้ถือหุ้นรายย่อยจึงได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อรวบรวมหลักฐานในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม เพื่อดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีแบบฟ้องหมู่ หรือ Class Action ซึ่งจะนับเป็นการฟ้องร้องคดีแรกในไทย สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น โดยที่ผ่านมา ในจีนมีการฟ้องร้องลักษณะนี้และชนะคดีมาแล้ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว
Advertisement