ผลการดำเนินงานกลุ่ม ปตท.ครึ่งปีแรก 66 แข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

109

business highlight online : 10 สิงหาคม 2566 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2566 ปตท. และบริษัทย่อย มีรายได้ 1,534,755 ล้านบาท และกำไรสุทธิจำนวน 47,962 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 4% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ตามราคาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในตลาดโลกที่ปรับลดลง

โดยผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ปรับลดลงจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 13.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในครึ่งปีแรกของปี 2565 เป็น 6.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในครึ่งปีแรกของปี 2566 รวมทั้งผลขาดทุนสตอกน้ำมันในครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ ปตท. ดำเนินการเอง เช่น กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลงจากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ เนื่องจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาก๊าซฯ ในอ่าวไทย ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยลดลงทุกผลิตภัณฑ์ รวมถึงปริมาณการขายที่ลดลง แม้ว่าผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลงและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น โดย ปตท. ยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ตลอดระยะเวลา 45 ปี ปตท. จะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง และมุ่งจุดพลังชีวิตขับเคลื่อนอนาคต สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและก้าวสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน โดยในปี 2566 ปตท. ยังมีแผนลงทุนจำนวน 93,598 ล้านบาท ได้แก่ การก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 โครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 โครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 การขยายการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) รวมถึงจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่และให้บริการเช่าใช้ EV ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม กว่า 1,000 คัน พร้อมขยายสถานีอัดประจุ EV ครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 400 หัวจ่าย ตลอดจนลงทุนในกลุ่มธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ ทั้งการจัดตั้งโรงงานผลิตอาหารโปรตีนจากพืชครบวงจร พร้อมเดินสายการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาดภายใต้แบรนด์อินโนบิก

นอกจากนี้ ปตท. เดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการปลูกป่าเพิ่มเติมโดย ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ให้สำเร็จภายในปี 2573 ซึ่งเมื่อรวมกับพื้นที่ป่าเก่า 1 ล้านไร่ ของ ปตท. แล้ว ในอนาคตพื้นที่แปลงปลูกป่าของกลุ่ม ปตท. กว่า 3 ล้านไร่นี้ จะมีสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 4.15 ล้านตันต่อปี อีกทั้งยังทำหน้าที่ให้บริการทางนิเวศ (Ecosystem service) เป็นแหล่งต้นน้ำ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน คิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาทต่อปีอีกด้วย

Advertisement