ตลท.เผยตลาดทุนตอบสนองดีขึ้น หลังได้รัฐบาลใหม่

70

business highlight online : 11 กันยายน 2566 ตลท.เผยภาวะตลาดเดือน ส.ค.66 ดีขึ้น หลังมีรัฐบาลใหม่ ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ด้านเศรษฐกิจเน้นเร่งอัดฉีดเม็ดเงินไปในระบบเศรษฐกิจ เร่งรัดมาตรการใช้งบประมาณเดิม หลังจีดีพีไตรมาส 2/66 ชะลอตัว

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนสิงหาคม 2566 ตลาดตอบสนองดี หลังจากไทยมีการจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จเมื่อวันที่ 23 ส.ค.66 ส่งผลให้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 6 วันติดต่อกัน อยู่ที่ 1,576.67 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 โดย SET Index ปรับลงไปจุดต่ำสุดที่ 1,466.93 จุด และหากพิจารณาจากอัตราส่วน Forward PE ของ SET Index ค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้ผู้ลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 7 เดือนต่อเนื่อง

มองไปข้างหน้า ยังมี 3 ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ สุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่ายังคงยืนยันเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวที่ 2% (จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.2%) ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวช้ากว่าคาด ทำให้ผู้ลงทุนคาดว่าอาจเห็นเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ไปจนถึงปลายปีนี้ อีกทั้งผู้ลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีบริษัทใหญ่บางแห่งในอุตสาหกรรมส่งสัญญาณว่ามีปัญหาด้านสภาพคล่อง ขณะที่สภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 1.8% ชะลอลงจาก 2.6% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการส่งออกที่หดตัว

ส่วนการแถลงนโยนบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันนี้ ในส่วนของนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าหลายนโยบายเป็นการเร่งอัดฉีดเม็ดเงินไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากไตรมาส 2 ตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดีเท่าไร ประกอบกับงบประมาณที่ต้องใช้เวลาในการผ่านสภาฯ ซึ่งทำให้การอนุมัติอาจต้องล่าช้า เพราะฉะนั้นจะเห็นมาตรการต่างๆ เพื่อเร่งรัดงบประมาณเดิม งบประมาณที่ใช้ไปพลางก่อน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่านกลไกรัฐวิสาหกิจ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีผลในการช่วยเยียวยาประชาชนในช่วงนี้ หรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามากน้อยแค่ไหน ต้องดูในระยะยาว ส่วนสำคัญคือนโยบายเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นจากการจัดตั้งรัฐบาล ก็น่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศ ทั้งภาคเศรษฐกิจและภาคการเงิน สามารถปรับทิศทางกลยุทธ์การลงทุนรายได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สำหรับภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน ส.ค.66 SET Index ปิดที่ 1,565.94 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า สวนทางกับดัชนีหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาคที่ปรับลดลง ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการ

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 58,579 ล้านบาท ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือน ส.ค.66 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 14,755 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 21.1% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 8 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 57,904 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 โดย Forward P/E อยู่ที่ระดับ 17.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 23.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4 เท่า ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทน อยู่ที่ระดับ 2.99% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ 3.55%

Advertisement