นายกฯ ยกนิ้วโป้งให้ “สุดาวรรณ” เต็ม 10 จุดพลังท่องเที่ยวปี 68

54

Business Highlight Online : 2 เมษายน 2567 ทำเนียบ – นายกฯ ร้องว้าว ชูนิ้วโป้ง ชม “สุดาวรรณ” สุภาพสตรีตัวเล็กใจใหญ่ บอกคิดใหญ่ทำเป็น ให้ 10 เต็ม 10 จุดพลังท่องเที่ยวปี 68

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานแสดงวิสัยทัศน์ Thailand Tourism 2025 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ในฐานะ รักษาการณ์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ว้าว ก่อนระบุว่า ตนก็ว่าตนลงลึกเรื่องของการท่องเที่ยวแล้ว แต่พอมาชมการนำเสนอของ น.ส.สุดาวรรณ รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ สุภาพสตรี ที่ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ คิดใหญ่ทำเป็น งานยังไม่ได้ถูกเริ่ม แต่วันนี้รู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เกิดมาเป็นคนไทยที่จะใช้ประเทศไทยเป็นเวทีในการต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากทั่วโลก ซึ่งอย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวระบุว่าเรื่องดีๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ห้างร้านต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนการค้า รัฐมนตรีวัฒนธรรม รวมถึงสื่อมวลชน ที่ร่วมมือกัน ทำให้ IGNITE THAILAND ซึ่งเป็นแกนสำคัญ ที่เป็นจิ๊กซอว์หนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทยกระจายไปทั่วโลก และยังมีอีกหลายหน่วยงาน รวมถึงหลายขั้นตอนที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง

“เชื่อว่าวันนี้ที่ได้มีการประกาศว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ซึ่งดูแล้วทุกอย่างเป็นไปตามการคิดที่ครบกระบวน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ ตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวถึงประเทศไทย เรื่องของการตรวจคนเข้าเมือง เรื่องการใช้มัคคุเทศก์ เรื่องของสถานที่ต่างๆ จนถึงการส่งนักท่องเที่ยวกลับบ้าน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทีมงานได้คิดมาเป็นอย่างดี เพียงแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังมีเรื่อง world event ที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยมั่นใจว่าในอีก 3 – 6 เดือนข้างหน้าจะมี world event ทยอยมาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง” นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นประเทศผู้นำในกลุ่ม CLMV  และมีผู้นำประเทศอื่น พูดว่าไทยถือเป็นพี่ใหญ่เรื่องการท่องเที่ยว ดังนั้นเราพร้อมที่จะเป็นตัวเชื่อมศูนย์กลางการท่องเที่ยว จะเป็น Fast destination ไปไหนมาไหนสะดวกสบายยิ่งขึ้น ยกระดับภูมิภาคอาเซียนไปสู่ระดับโลกได้ และคงไม่ต้องพูดถึงว่า การท่องเที่ยวของไทยสามารถทำได้ทันที ทำแล้วนำเงินเข้ากระเป๋าสู่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร การจัดกิจกรรม เหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและจะช่วยผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คงไม่ขอลงรายละเอียดมากเนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำเสนออยู่ในระดับเกรด 10 เต็ม 10 ในวันนี้

นายกรัฐมนตรี ยังฝากว่าทุกหน่วยงานต้องทำงานไปด้วยกันหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานภาคเอกชนหากนักท่องเที่ยวมาแล้วมีความสุขมีความปลอดภัยสุขกายสุขใจเชื่อว่าเขาจะกลับมาอีก พร้อมขอฝากรายการใหญ่ที่จะเกิดขึ้นคือเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นแล้วถือเป็นงานอีเวนท์แรกๆที่จะเกิดขึ้นในปีนี้และเป็นนิมิตหมายอันดีซึ่งเป็นวันปีใหม่ของประเทศไทยขอให้คิกออฟการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาของกล่าวการเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นระยะ โดยในช่วงท้าย เมื่อนายกรัฐมนตรี กล่าวชมว่าการแถลงข่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ  ได้เกรด 10 เต็ม 10 ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ลุกขึ้นยกมือไหว้ขอบคุณและยิ้มตลอดการกล่าวเปิดงานของนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงตบมือจากผู้เข้าร่วมงาน

ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า ตนมีตัวเลขที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าเมื่อวานนี้ 1 เมษายน ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยถึง 9.4 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2566 มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 6.6 ล้านคน เมื่อเทียบกันแล้วเพิ่มขึ้น 42% สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เพียงกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพียงอย่างเดียว นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เราได้รับการยอมรับว่าประเทศไทยมีอาหารอร่อย มีสถานที่น่าท่องเที่ยวมากมาย มีวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ที่หลากหลายได้รับการการันตีจากรางวัลระดับโลกมากมาย ที่สำคัญคือคนไทยมีรอยยิ้ม มีน้ำใจไมตรี ไม่เหมือนชาติใดในโลก หรืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เราเคยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 18.64% ของ GDP ในปี 2560 และในปี 2562 เราเคยสร้างมูลค่าให้ประเทศเกือบ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งปีนี้ได้รับนโยบายโจทย์ใหญ่จากนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ตั้งเป้าจะสร้างรายได้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2567 ให้ถึง 3.5 ล้านล้านบาท และการที่จะไปถึงเป้าหมายต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจ โดยมั่นใจในศักยภาพของเมืองไทยจะทำให้เราไปสู่เป้าหมายอย่างแน่นอน

“ก้าวต่อไปจะต้องปักหมุดการท่องเที่ยวในปีหน้า ต้องปังกว่าเดิมและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเทศไทยไม่เคยหลับไหล เราจะเพิ่มมิติการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวจะพาประเทศไทยไปสู่ช่วงเวลาที่สดใส และบรรยากาศแห่งความสุข เราจะเป็น TOURISM HUB เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยศักยภาพการท่องเที่ยวของไทยซึ่งจะสอดรับกับเป้าหมาย Thailand Aviation Hub ที่จะรองรับนักเดินทางได้ถึง 150ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030” น.ส.สุดาวรรณ กล่าว

น.ส. สุดาวรรณ ยังกล่าวอีกว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดทำ 5 กลยุทธ์หลัก มัดใจนักท่องเที่ยวคือ 5 Must do in Thailand ด้วยการสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เดินทางถึงประเทศไทยจนกระทั่งเดินทางกลับ พร้อมตั้งเป้าภายใน 3 เดือน นักท่องเที่ยวจะไม่ต้องรอคิวนานอีกต่อไป มีโปรโมชั่นและมาตรฐานโรงแรมทั่วประเทศ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมีการเพิ่มฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ทั้งนี้จะมีการดึงจุดแข็งของประเทศไทยที่ไม่เหมือนใคร เมื่อมาถึงเมืองไทย มีสิ่งที่จะต้องทำ  5 อย่าง คือมวยไทย อาหารไทย วัฒนธรรมไทย ผ้าไทย และโชว์ไทย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังนายกฯกล่าวเสร็จสิ้น ก่อนร่วมถ่ายภาพหมู่ นายกฯได้หันไปยกนิ้วโป้ง ชื่นชม น.ส.สุดาวรรณ ขณะที่ น.ส.สุดาวรรณ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณนายกฯ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินชมบูธจัดแสดงสินค้าและอาหาร 4 ภาค โดยนายกรัฐมนตรีได้รับมอบเมี่ยงดอกบัว เสื้อมอโตจีพี พร้อมลายเซ็นของนักแข่งด้วย

Advertisement