Business Highlight Online : 23 สิงหาคม 2567 สภาอุตฯ เสนอนายกฯ 5 เรื่องเร่งด่วน 3 เรื่องระยะยาว มุ่งแก้ปัญหาสินค้าราคาถูกจากจีน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า-พลังงาน เติมเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ 1 แสนล้านบาท ให้เอสเอ็มอี หนุนแจกเงินสดกลุ่มเปราะบางเพิ่มกำลังซื้อปลายปี
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ได้เสนอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME 8 เรื่อง ผ่านมาตรการเร่งด่วน 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกนำเข้าจากจีน ทั้งมีมาตรฐาน มอก. และไม่มีมาตรฐาน หลังจากครึ่งปีแรก 2567 SME ปิดกิจการไปแล้ว 667 แห่ง จึงขอให้เข้มงวดการตรวจปล่อยสินค้านำเข้า เพื่อหาทางช่วยเหลือเอสเอ็มอี 2.ช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการ SME ทั้งค่าไฟฟ้า-ค่าพลังงาน โดยเร็วที่สุด รวมถึงการลดต้นทุนแรงงานตามที่ภาครัฐปรับเพิ่มค่าแรงโดยยึดกรอบไตรภาคีให้เหมาะสม รวมถึงเสนอตั้ง กรอ.ด้านพลังงาน เพื่อให้เอกชนเสนอแนะและกำหนดค่าไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพ ไม่ต้องลุ้นปรับทุก 4 เดือน
3.ส่งเสริมการค้าชายแดนอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ เปิดด่านการค้าชายแดนถาวรหลายด่าน ปรับระบบการวิ่งรถบรรทุกเพื่อให้ทันต่อการส่งออก รวมถึงตัดถนนเส้นใหม่เชื่อมถนนหลักลดปัญหาการจราจร 4.ช่วยเหลือ SME ยกระดับไฟสู่ดิจิทัลรวมถึงการใช้ AI ในการประกอบกิจการด้วยการส่งเสริมดิจิทัลวันของสภาอุตสาหกรรม ให้เดินหน้าต่อจากเดิมที่กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทุ่มเงินให้ 1,000 ล้านบาท และสภาอุตสาหกรรม 1,000 ล้านบาท ผ่านกองทุนโกอินโนเวชั่น จึงอยากให้รัฐบาลผลักดันกองทุนนี้ต่อ รวมไปถึงการส่งเสริมให้SME ยกระดับคุณภาพสินค้าสู่ตลาดโลก ตลอดจนมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจสีเขียวรองรับมาตรฐานใหม่ของโลก ด้วยการส่งเสริมให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจาก ธปท. 1 แสนล้านบาท และ 5.เสนอรัฐส่งเสริมมาตรการเม็กอินไทยแลนด์ หลังจากที่ที่ผ่านมาในปี 2566 สร้างส่วนแบ่งตลาดในประเทศได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 มีเงินหมุนเวียนกว่า 100,000 ล้านบาท โดยอยากให้ขยับเพิ่มเป็นร้อยละ 50 และร้อยละ 80 ในอนาคต เพื่อทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ 550,000 ล้านบาท โดยนำยอดจากการซื้อสินค้าเม็กอินไทยแลนด์มาหักภาษีได้ 2 เท่า
ส่วนมาตรการระยะยาว สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสนอให้ช่วยเหลืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากรถยนต์ไฟฟ้า เปลี่ยนแผนการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เช่น เครื่องมือแพทย์ อาวุธยุทโธปกรณ์ และเครื่องบิน ที่มีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อรองรับนโยบายซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาลใหม่ การผลักดันศูนย์กลางจิวเวลรี่ในภูมิภาคแทนฮ่องกง รวมไปถึงเร่งแก้ไขกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนต้องแก้ไขเร่งด่วนนับ 100,000 ฉบับ เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้ถึง 1.3 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอสนับสนุนแนวคิดรัฐบาลใหม่แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง 1.45 แสนล้านบาท จำนวน 14.5 ล้านคน โดยเป็นการแจกเงินสด ใช้โมเดลเหมือนประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้กลุ่มเปราะบาง คนพิการ และผู้สูงอายุ ใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ได้อย่างรวดเร็ว
Advertisement