business highlight online : คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ทุกวันนี้ยังทำงานด้วยไฟการทำงานและความตั้งใจเต็มร้อย โดยไม่สนใจว่าจะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือน จะครบวาระการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ไม่มีผ่อนไม่มีถอย คุ้มค่าทุกนาที ทำให้งานของธนาคารออมสินเดินหน้าไม่มีหยุด ไม่มีการชะลอ
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลมอบหมายอะไรมาหรือสั่งการให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือประเทศและประชาชนอะไร คุณชาติชายดำเนินการทันที หรือบางทีรัฐบาลไม่มีนโยบายหรือไม่ได้สั่งการอะไรลงมา คุณชาติชายก็เสนอแนวความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชนให้กับผู้บังคับบัญชาในรัฐบาลเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ จนผู้ใหญ่ในรัฐบาลค่อนข้างพอใจตัวคุณชาติชายที่มิใช่เป็นคนแต่รับคำสั่งอย่างเดียว แต่ยังช่วยเสนอแนวความคิดด้วย ถึงกับเอ่ยปากว่าหากหมดวาระการดำรงตำแหน่งที่ธนาคารออมสิน จะเอาไปช่วยงานในรัฐบาล ส่งผลทำให้คุณชาติชายมีกำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลขีด
ล่าสุด กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกตกต่ำ สถานการณ์ภัยแล้ง และจากสถานการณ์วิกฤตการณ์โรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหนักในด้านการท่องเที่ยวและการค้าการขายเงียบเหงาซบเซาอย่างหนัก ประชาชนมีรายได้น้อยลง มีภาระหนี้สินมากขึ้น รัฐบาลจึงมอบหมายให้ธนาคารออมสินหาทางแบ่งเบาภาระของประชาชนที่เป็นหนี้บุคคลประเภทลูกหนี้บัตรเครดิต คุณชาติชายจึงระดมสมองทีมงานธนาคารออมสินออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มผู้ถือบัตรเครดิต ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายจากบัตรเครดิตที่คิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆค่อนข้างสูง จนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระ และการใช้จ่ายในครัวเรือน โดยมาตรการดังกล่าวคือ “รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินต่างๆ มายังธนาคารออมสิน” โดยผ่อนนานถึง 48 เดือน ฟรีค่าธรรมเนียม คิดดอกเบี้ยต่ำสุด 8.5% ต่อปี
เท่านั้นยังไม่พอ ล่าสุด คุณชาติชาย เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารออมสินเห็นชอบให้ปรับเพิ่มมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เข้มข้นขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อบุคคล ตลอดจนสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เรียกว่าช่วยเหลือทุกกลุ่มที่อยู่ในความรับผิดชอบของธนาคารออมสิน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
คุณชาติชายบอกว่า คณะกรรมการธนาคารออมสินเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารฯอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระเงินกู้ หรือแบ่งเบาภาระสินเชื่อ พร้อมทั้งช่วยให้ลูกค้ามีเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะใช้จ่ายซื้อสิ่งของจำเป็นเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเปิดให้ลงทะเบียนแสดงความจำนงเข้าโครงการที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
โดยมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย ให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี โดยชำระแต่ดอกเบี้ย 50-100% ของดอกเบี้ยประจำงวด (ในอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญา ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 4%) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 ปี แล้วธนาคารฯจะจ่ายคืนดอกเบี้ย (Cash Back) ในอัตรา 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระนั้นคืนให้ลูกค้าทุก 6 เดือน จำนวน 2 ครั้ง ในระยะเวลา 1 ปี โดยในส่วนดอกเบี้ยที่ค้างชำระหรือที่ชำระไม่ครบนั้น ให้เฉลี่ยจ่ายคืนสูงสุดไม่เกิน 10 ปี และขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 2 เท่าของระยะเวลาพักชำระเงินต้นแต่สูงสุดไม่เกิน 4 ปี โดยการเข้ามาตรการนี้ลูกค้าจะยังคงสถานะเป็นลูกหนี้ปกติ ไม่มีการบันทึกสถานะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในเครดิตบูโรแต่อย่างใด
หากลูกค้าพักเงินต้นแล้วจ่ายแต่ดอกเบี้ยทั้งจำนวน เช่น จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 5,000 บาท ต่อเนื่อง 12 เดือน รวมเป็นเงิน 60,000 บาท ธนาคารจะจ่ายคืนเงินสดทุก 6 เดือน รวม 2 งวด เท่ากับ 12,000 บาท ถือเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ลูกค้าในภาวะที่อาจต้องใช้จ่ายจำเป็นเพิ่มเติมเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นเพื่อการดำรงชีพในภาวะปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของธนาคารฯผ่อนคลายจากภาวะความวิตกต่อการดำเนินชีวิต และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้สามารถดำเนินชีวิตหรือดำเนินกิจการต่างๆ ต่อไปได้ เพื่อให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตนี้ต่อไป
ก่อนหน้านี้ ธนาคารฯได้ออกมาตรการผ่อนปรนภาระและเงื่อนไขการชำระเงินกู้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเน้นช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ขนส่ง บริการ โรงแรม เป็นต้น แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป หลายประเทศทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากรวมถึงในประเทศไทย ทำให้ทุกภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากหลายๆปัจจัยเป็นวงกว้างแทบทุกพื้นที่ของประเทศ จนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยรวม ขณะที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว รวมถึงลูกค้าธนาคารออมสิน
ทั้งนี้ คุณสมบัติลูกค้าที่สามารถใช้มาตรการนี้ต้องได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สงครามการค้า ภัยธรรมชาติ และการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง โดยต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจนสามารถเชื่อมโยงกับผลกระทบได้ ซึ่งรวมถึงลูกค้าปกติจนถึงลูกค้าที่เป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs)
พร้อมกันนี้ ธนาคารฯได้เพิ่มมาตรการให้สินเชื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไทย ภายใต้สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเดิมในวงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน (Flat Rate) ชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน โดยผ่อนปรนไม่ต้องชำระคืนเงินกู้ใน 6 เดือนแรก ยื่นเรื่องกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงตุลาคม 2563
โฆษณา