นายกฯ ห่วงโควิดระบาดในสถานประกอบการ

167

business highlight online : 29 พฤษภาคม 2566 “ทิพานัน” เผย “พล.อ.ประยุทธ์” ห่วงโควิดระบาดในสถานประกอบการ ขอความร่วมมือควบคุมป้องกัน พร้อมแนะแนวปฏิบัติผู้ประกันตนตาม ม.33 และ ม.39 ติดโควิดต้องทำอย่างไร

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือสถานการณ์อย่างครอบคลุมทุกมิติ และขอความร่วมมือสถานการณ์ประกอบการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้ในกรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ใช้สิทธิประกันสังคม หากสงสัยเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยติดโควิด-19 สามารถทำการตรวจ ATK คัดกรองด้วยตนเอง กรณีผลตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด สามารถดำเนินการตามแนวทางดังนี้  1.รักษาตามแนวทาง “เจอ แจก จบ” ผู้ประกันตนที่มีอาการป่วยไม่รุนแรง รักษาแบบ OP-Self Isolation “เจอ แจก จบ”  ณ สถานพยาบาลประกันสังคมและสถานพยาบาลที่ร่วมให้บริการของรัฐและเอกชนทุกแห่ง คลินิกและร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.ทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2.กรณีที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ผู้ประกันตนเข้ารักษาตามดุลพินิจของแพทย์ ณ สถานพยาบาลประกันสังคม และสถานพยาบาลที่ร่วมให้บริการของรัฐและเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศ  โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 3.เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สีเหลือง – สีแดง  คือมีอาการหอบเหนื่อยหนักมาก พูดไม่เป็นประโยค แน่นหน้าอก หายใจเจ็บหน้าอก ปอดอักเสบรุนแรง อ่อนเพลีย ตอบสนองช้า ไม่รู้สึกตัว มีภาวะช็อค/โคม่า ซึมลง  ไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียล ค่าออกซิเจนต่ำกว่า 94 แต่หากเข้าเกณฑ์คัดแยกผู้ป่วย สีเหลือง-สีแดง ใช้สิทธิ UCEP Plus ณ สถานพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

หากต้องการทราบข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506

“พล.อ.ประยุทธ์มุ่งยกระดับการดูแลสุขภาพให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงสิทธิในการรักษา ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค พร้อมทั้งวางรากฐานความมั่นคงด้านสุขภาพ ต่อยอดไปสู่ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ก่อนที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพนานาชาติ ตามยุทธศาสตร์ชาติ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกกลุ่มจะต้องมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงและพลานามันสมบูรณ์ไปพร้อมกัน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

Advertisement