ระทึก แนวโน้มราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อ จับตา กบง.ต่ออายุตรึงแอลพีจี-ดีเซล เดือน ก.ค.ต่อหรือไม่?

93

Business Highlight Online : 25 มิถุนายน 2567 แนวโน้มราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อ จับตา กบง.ต่ออายุตรึงแอลพีจี ลุ้นระทึก! เดือน ก.ค.ทั้งราคาแอลพีจี-ดีเซล รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร ตรึงราคาต่อหรือไม่ ท่ามกลาง กองทุนน้ำมันฯ ติดลบ กระฉูด 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มขยายวงกว้างยิ่งฉุดให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น

สิ้นเดือน มิ.ย.67 นี้ จะเป็นวันสิ้นสุดการตรึงราคาแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้มที่ 423 บาท/ถัง ขนาด 15 กิโลกรัม ที่ตรึงราคาเป็นเวลา 3 เดือน (1 เม.ย. -30 มิ.ย.67) โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ซึ่งมี รมว.พลังงาน เป็นประธานนัดประชุมวันที่ 27 มิ.ย. เพื่อตัดสินใจว่าจะตรึงราคาต่อหรือไม่ ตลาดคาดกันว่าด้วยสถานการณ์การเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่โตช้าเช่นนี้ ก็คาดว่า กบง.น่าจะตัดสินใจตรึงราคาต่ออย่างน้อย 3 เดือน

โดยในส่วนของบัญชีแอลพีจีใน กองทุนน้ำมันฯ ซึ่งฐานะล่าสุดวันที่ 23 มิ.ย.67 นั้น ติดลบรวม 1.1 แสนล้านบาท แยกเป็นบัญชี แอลพีจี ติดลบ 47,622 ล้านบาท บัญชีน้ำมันติดลบ 63,121 ล้านบาท แต่หากดูเฉพาะบัญชีแอลพีจีพบว่าแม้จะอุดหนุน 2.17 บาท/กก. แต่ด้วยมีการใช้ก๊าซฯ ในประเทศซึ่งสูตรราคาถูกกว่าราคาตลาดโลก ก็ทำให้บัญชีแอลพีจียังไหลเข้าวันละ 4 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีน้ำมันไหลออกวันละเกือบ 29 ล้านบาท เพราะอุดหนุนดีเซลสูงถึง 2 บาทต่อลิตร ในขณะที่ มติ ครม.ให้ตรึงดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร ถึงวันที่ 31 ก.ค.67 ทำให้สภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ มีปัญหาหนัก และขณะนี้ ก.พลังงานก็อยู่ระหว่างการเจรจากับกระทรวงการคลังเพื่อขอใช้งบฯ กลางมาเสริอมสภาพคล่องให้กองทุนน้ำมันฯ ราว 6 พันล้านบาท

“หากงบกลางฯ เข้าเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ ก็คาดว่าเดือน ก.ค.นี้ก็คงจะมีการประกาศตรึงราคาดีเซลต่อหลังครบกำหนด 31 ก.ค. ในขณะนี้ราคาแอลพีจีหากดูเฉพาะบัญชีแอลพีจีก็มีเงินไหลเข้า และไม่จำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินดูแลแอลพีจีที่ไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท ก็ขึ้นอยู่กับ กบง.จะเห็นชอบอย่างไร” รายงานข่าวจากวงการพลังงาน ระบุ

ด้าน บมจ.ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 75-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 80-90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นท่ามกลางการเจรจาที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ รวมไปถึงเสถียรภาพทางการเมืองอิสราเอลที่ลดลงหลังการยุบคณะรัฐมนตรีสงคราม โดยรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศอิสราเอลเตือนว่า อิสราเอลจะเปิดฉากทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเร็วๆ นี้ แม้ว่าฝั่งสหรัฐฯ พยายามสกัดกั้นไม่ให้สงครามบานปลายก็ตาม ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เองก็ประกาศว่าจะไม่ยุติการโจมตีจนกว่าจะมีการหยุดยิงในฉนวนกาซา ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าสถานการณ์ความขัดแย้งมีแนวโน้มขยายวงกว้างและอาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางได้

ขณะที่อุปทานน้ำมันรัสเซียมีความไม่แน่นอนเนื่องจากโดนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดคาดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังมี แนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งปีหลังจากอุปทานที่ยังคงตึงตัวและอุปสงค์ที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ที่ยังคงเปราะบาง และความไม่แน่นอนของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบ ในขณะที่ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17-21 มิ.ย.) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 80.73 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 85.24 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 84.90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางขยายวง ขณะที่การเจรจาระหว่างอิสราเอลและฮามาสยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้ ราคายังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขการลงทุนด้านการผลิตในจีนที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9.6% ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.67 อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่แน่นอนหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมและคาดว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ธ.ค.67 โดยเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปีนี้จากเดิมที่คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในการประชุมเมื่อเดือน มี.ค.67

Advertisment