ไทย-อียูพร้อมยกระดับความร่วมมือใกล้ชิดมากขึ้น

215

business highlight online : 15 ธันวาคม 2565 กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม 14 ธ.ค. -นายกฯ ร่วมพิธีลงนามร่างกรอบความตกลง PCA EU-Thai หวังยกระดับความร่วมมือไทย-สหภาพยุโรปให้ใกล้ชิด เข้มข้น เป็นระบบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit)  สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565 โดยวานนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 16.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้นำฝ่ายสหภาพยุโรป ได้แก่ นายชาร์ล มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นายเป็ตร์ ฟียาลา นายกรัฐมนตรีเช็ก ในฐานะประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป และนาย Josep Borrell Fontelles รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ร่วมในพิธีลงนามร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกฝ่ายหนึ่งกับราชอาณาจักรไทยอีกฝ่ายหนึ่ง (Framework Agreement on Comprehensive Partnership and Cooperation between the European Union and its Member States, of the one part, and the Kingdom of Thailand, of the other part) หรือ PCA EU-Thai

สำหรับร่างกรอบความตกลง PCA นี้ จะช่วยยกระดับความร่วมมือไทย-สหภาพยุโรปให้ใกล้ชิด เข้มข้น และเป็นระบบมากขึ้น รวมทั้ง สร้างกลไกการหารือรอบด้านระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในประเด็นที่สนใจร่วมกัน  สำหรับผลประโยชน์ต่อไทยจาก PCA คือ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและกระแสการพัฒนาของโลก เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การเปิดเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป รอบใหม่ เพิ่มการถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศจากสหภาพยุโรปและการเข้าถึงเงินทุนวิจัยและโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถต่าง ๆ ของ EU เป็นโอกาสให้ไทยได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านที่ไทยเชี่ยวชาญ เช่น การประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ทั้งนี้ เป็นการสะท้อนว่าไทยเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดและไว้ใจได้ของสหภาพยุโรป ผ่านการยึดถือค่านิยมที่เป็นสากลร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังให้ PCA เป็นเอกสารความตกลงที่มีการนำไปปฏิบัติจริงให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และไทยมุ่งที่จะให้การดำเนินการตามร่างกรอบความตกลงนี้ เพื่อให้เป็นก้าวแรกของการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-สหภาพยุโรปไปสู่ความเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ระหว่างกันต่อไป สำหรับร่างกรอบความตกลงฯ ประกอบด้วย 64 ข้อ ส่วนอารัมภบทและส่วนปฏิญญาร่วมครอบคลุมความร่วมมือไทย-สหภาพยุโรป ทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศ ในประเด็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะเป็นแผนงานที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์ มุ่งเพิ่มพูนกรอบการหารือและความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกัน โดยสองฝ่ายสามารถร่วมกันพัฒนาแผนงานดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

Advertisement